พระองค์ทรงปั้นข้าพระองค์จากภายในก่อน แล้วจึงภายนอก พระองค์ทรงหล่อหลอมข้าพระองค์ในครรภ์มารดาของข้าพระองค์
สดุดี 139:13 (Msg)
คุณเท่านั้นที่เป็นตัวคุณได้
พระเจ้าทรงออกแบบเราแต่ละคนให้ไม่เหมือนใครในโลกนี้ ไม่มีใครที่มีปัจจัยรายละเอียดต่าง ๆ ผสมผสานกันเหมือนคุณทุกประการ นั่นหมายความว่าไม่มีใครในโลกสามารถรับบทบาทที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้สำหรับคุณ ถ้าคุณไม่ทำประโยชน์ส่วนของคุณแก่พระกายของพระคริสต์ ก็จะไม่มีใครทำสิ่งนั้น พระคัมภีร์กล่าวว่า "มีของประทานหลายอย่างต่าง ๆ กันที่พระวิญญาณประทานให้… มีวิธีปรนนิบัติพระเจ้าต่าง ๆ กัน…มีความสามารถต่าง ๆ กันในการปรนนิบัติพระเจ้า" (1 โครินธ์ 12:4-6 ประชานิยม) ในบทที่แล้วเราพิจารณาถึงสองประการแรก คือ ของประทานฝ่ายวิญญาณและหัวใจของคุณ เวลานี้เราจะดูส่วนประกอบที่เหลือของลักษณะ (SHAPE) ที่มีไว้สำหรับการรับใช้พระเจ้า
SHAPE: ใช้ความสามารถของคุณ (Abilities)
ความสามารถคือทักษะพิเศษตามธรรมชาติที่ติดตัวคุณมาตั้งแต่เกิด บางคนมีความสามารถโดยธรรมชาติด้านคำพูดคือ คลอดออกมาก็พูดได้เลย บางคนมีความสามารถด้านกีฬา โดยส่วนต่าง ๆ ของร่างกายสามารถประสานงานกันได้อย่างดีเลิศ บางคนเก่งคณิตศาสตร์ ดนตรี หรือเครื่องยนต์กลไก
เมื่อพระเจ้าประสงค์จะสร้างพลับพลาและภาชนะทั้งสิ้นสำหรับการนมัสการนั้น พระองค์ทรงเตรียมศิลปินและช่างฝีมือ ซึ่งพระองค์ทรงปั้นเขาให้มี "ฝีมือ ความสามารถ และเข้าใจศิลปะทุกอย่าง" (อพยพ 31:3-5 ประชานิยม) ทุกวันนี้ พระเจ้าก็ยังประทานความสามารถเหล่านั้น รวมทั้งความสามารถอื่นอีกนับพัน ๆ ชนิด เพื่อมนุษย์จะสามารถรับใช้พระองค์
ความสามารถทั้งสิ้นของเรามาจากพระเจ้า แม้แต่ความสามารถที่ใช้ทำบาปก็เป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ เพียงแต่มันถูกใช้ผิด ๆ หรือใช้ให้เกิดโทษ พระคัมภีร์กล่าวว่า "พระเจ้าประทานความสามารถแก่เราแต่ละคน เพื่อให้ทำบางสิ่งบางอย่างได้ดี" (โรม 12:6ก NLT) เนื่องจากความสามารถตามธรรมชาติของคุณมาจากพระเจ้า ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จึงสำคัญเท่ากับของประทานฝ่ายวิญญาณ และเป็น "ฝ่ายวิญญาณ" เท่ากันด้วย ความแตกต่างประการเดียวคือ คุณได้รับสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่เกิด
ข้อแก้ตัวหนึ่งที่ผู้คนมักอ้างเพื่อจะไม่รับใช้คือ "ผมไม่มีความสามารถอะไรเลย" นั่นเป็นเรื่องน่าหัวเราะ เพราะคุณมีความสามารถนับสิบ ๆ อย่าง หรืออาจจะร้อย ๆ อย่างที่เก็บไว้เฉย ๆ หรือไม่รู้ตัวว่ามี และไม่ได้นำมาใช้ และนอนจำศีลอยู่ในตัวคุณ การศึกษาวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าคนทั่วไปมีทักษะและความสามารถถึง 500-700 อย่าง ซึ่งมากกว่าที่เรารู้ตัวหลายเท่า
ยกตัวอย่าง สมองของคุณสามารถเก็บข้อมูลถึง 100 ล้านล้านข้อมูล และสามารถรับมือการตัดสินใจได้ 15,000 เรื่องต่อวินาที อย่างเช่น เมื่อระบบย่อยอาหารกำลังทำงานจมูกของคุณสามารถดมกลิ่นได้ถึง 10,000 กลิ่น ระบบสัมผัสของคุณสามารถรับรู้สิ่งที่มีความหนาเพียง 1/25,000 นิ้ว ลิ้นคุณสามารถชิมรส และรู้ว่าในน้ำสองล้านส่วนนี้มียาควินนินผสมอยู่หนึ่งส่วน คุณมีความสามารถมากมายเหลือเชื่อ เป็นสิ่งอัศจรรย์ที่พระเจ้าทรงสร้าง ความรับผิดชอบส่วนหนึ่งของคริสตจักรคือ การค้นหาและใช้ความสามารถของคุณเพื่อรับใช้พระเจ้า
เราใช้ความสามารถทุกอย่างเพื่อพระเกียรติของพระเจ้าได้ เปาโลกล่าวว่า "ท่านจะทำอะไรก็ตาม จงกระทำทุกสิ่งเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า" (1 โครินธ์ 10:31) พระคัมภีร์บันทึกตัวอย่างไว้มากมายเกี่ยวกับความสามารถต่าง ๆ ที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อพระเกียรติของพระองค์ ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นเพียงส่วนน้อยของสิ่งที่พระคัมภีร์กล่าวถึงได้แก่ ความสามารถทางศิลปะ ความสามารถทางสถาปัตย์ การบริหาร การอบอาหาร การต่อเรือ การทำขนม การโต้แย้ง การออกแบบ การอาบน้ำยาศพ การถักลาย การแกะสลัก การเกษตร การทำประมง การดูแลสวน การนำ การจัดการ การก่ออิฐ การดนตรี การทำอาวุธ งานเย็บผ้า การวาดภาพ การเพาะปลูก การคิดเชิงปรัชญา การประดิษฐ์เครื่องกล การคิดค้น การทำงานไม้ การแล่นเรือใบ การขาย การเป็นทหาร การตัดเย็บ การสอน การเขียน วรรณกรรมและบทกวี พระคัมภีร์กล่าวว่า "มีความสามารถต่างกันในการปรนนิบัติพระเจ้า แต่เป็นพระเจ้าองค์เดียวกันที่ประทานความสามารถให้ทุกคนที่รับใช้พระองค์" (1 โครินธ์ 12:6 ประชานิยม) พระเจ้าทรงมีที่ว่างในคริสตจักรซึ่งความสามารถพิเศษของคุณจะปรากฏและสามารถใช้เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การค้นพบที่ว่างตรงนั้นขึ้นอยู่กับคุณ
พระเจ้าประทานให้บางคนมีความสามารถในการหาเงินได้มาก ๆ โมเสสบอกคนอิสราเอลว่า "ท่านทั้งหลายจงจำพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานความสามารถแก่ท่านที่จะได้ทรัพย์สมบัตินี้" (เฉลยธรรมบัญญัติ 8:18 NIV) คนที่มีความสามารถเชิงธุรกิจเช่นนี้ คุณควรจะใช้เพื่อพระเกียรติของพระเจ้าทำอย่างไรน่ะหรือครับ ประการแรกให้ยอมรับว่าความสามารถของคุณนั้นมาจากพระเจ้าและยกย่องพระองค์สำหรับความสามารถนี้ ประการที่สอง จงใช้ธุรกิจของคุณช่วยปรนนิบัติความต้องการของคนอื่น และเป็นพยานถึงความเชื่อของคุณกับผู้ที่ไม่เชื่อ ประการที่สาม จงคืนผลกำไรแด่พระเจ้าอย่างน้อย 10% คือสิบลด เพื่อเป็นการนมัสการ (เฉลยธรรมบัญญัติ 14:23, มาลาคี 3:8-11) ประการสุดท้าย จงตั้งเป้าที่จะเป็นผู้สร้างอาณาจักรของพระเจ้าแทนที่จะสร้างความมั่นคั่ง ผมจะอธิบายเรื่องนี้ในบทที่ 34
สิ่งที่ฉันทำได้ คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้ฉันทำ คุณเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่สามารถใช้ความสามารถของคุณ ไม่มีใครอื่นที่สามารถรับบทบาทของคุณ เพราะพวกเขาไม่ได้มี ลักษณะเฉพาะตัวที่พระเจ้าประทานแก่คุณ พระคัมภีร์กล่าวว่า พระเจ้าประทาน "ทุกสิ่งที่ดีให้ท่าน อันเป็นสิ่งที่ท่านจำเป็นต้องมี เพื่อสามารถปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์" (ฮีบรู 13:21 LB) ถ้าคุณจะค้นหาน้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับชีวิตคุณ คุณควรจะพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าคุณเก่งด้านไหน และไม่เก่งด้านไหน
ถ้าพระเจ้าไม่ได้ประทานความสามารถให้คุณร้องเพลงได้ถูกทำนอง พระองค์ก็จะไม่คาดหวังให้คุณเป็นนักร้องโอเปรา พระเจ้าจะไม่เรียกร้องให้คุณถวายชีวิตของคุณเพื่อทำงานที่คุณไม่มีทักษะที่จะทำได้ ในทางกลับกัน ความสามารถที่คุณมีอยู่คือเครื่องบ่งชี้อย่างชัดเจนถึงสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้คุณทำในชีวิตของคุณ สิ่งเหล่านี้บอกให้รู้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับคุณ ถ้าคุณเก่งเรื่องการออกแบบ หรือการระดมคน หรือการวาดภาพ หรือการจัดการ ข้อสันนิษฐานที่ไม่น่าจะผิดพลาดก็คือแผนการของพระเจ้าสำหรับชีวิตคุณนั้นมีการใช้ทักษะเหล่านี้รวมอยู่ด้วย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง พระเจ้าจะไม่ปล่อยให้ความสามารถใด ๆ สูญเปล่า แต่จะจัดเตรียมให้การทรงเรียกและศักยภาพของเราสอดคล้องกัน
คุณไม่ได้รับความสามารถเพียงเพื่อจะใช้เลี้ยงชีพเท่านั้น แต่พระเจ้าประทานความสามารถเหล่านั้นเพื่อพันธกิจของคุณ เปโตรกล่าวว่า "พระเจ้าประทานความสามารถพิเศษบางอย่างแก่เราแต่ละคน อย่าลืมใช้สิ่งเหล่านั้นเพื่อช่วยเหลือกันและกัน ส่งมอบพระพรนานาประการของพระเจ้าแก่ผู้อื่น" (1 เปโตร 4:10 LB)
ณ เวลาที่เขียนหนังสือเล่มนี้ ผู้คนเกือบ 7,000 คนกำลังใช้ความสามารถของตนทำพันธกิจที่คริสตจักรแซดเดิลแบ็ค ก่อให้เกิดงานรับใช้ทุกรูปแบบที่คุณจะคิดได้ เช่น การซ่อมรถที่มีคนถวายมาให้คนขัดสน การเสาะหาราคาที่ถูกที่สุดสำหรับสิ่งที่คริสตจักรจะซื้อ การจัดสวน การจัดแฟ้มเอกสาร การออกแบบศิลปะ ออกแบบโครงการและอาคาร การให้ความช่วยเหลือด้านสุภาพ การเตรียมอาหาร การแต่งเพลง การสอนดนตรี การเขียนข้อเสนอเพื่อขอทุน การฝึกสอนทีมกีฬา การทำวิจัยเพื่อคำเทศนา หรือการแปลคำเทศนาและงานพิเศษเฉพาะทางอีกนับร้อย ๆ ชนิด สมาชิกใหม่จะได้รับการสอนว่า "ไม่ว่าคุณจะเก่งเรื่องใด คุณควรจะทำสิ่งนั้นเพื่อคริสตจักรของคุณ"
SHAPE : การใช้บุคลิกภาพของคุณ (Personality)
เราไม่ได้ตระหนักว่า เราแต่ละคนมีความเป็นเอกลักษณ์มากเพียงใด โมเลกุลของดีเอ็นเอนั้นสามารถรวมตัวกันได้ไม่จำกัดวิธี คือ ตั้งแต่ 10 ไปจนถึงยกกำลัง 2,400,000,000 ตัวเลขนี้คือ ความน่าจะเป็นของการที่คุณจะพบคนที่เหมือนกับคุณทุกประการ ถ้าคุณเขียนตัวเลขจำนวนนี้โดยให้เลขศูนย์แต่ละตัวมีความกว้างหนึ่งนิ้ว คุณจะต้องใช้กระดาษยาวถึง 37,000 ไมล์
เพื่อให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น นักวิทยาศาสตร์บางคนได้คาดคะเนว่า อนุภาคทั้งหมดในจักรวาลนี้คงจะมีน้อยกว่า 10 ที่มีเลขศูนย์ 76 ตัวอยู่ข้างหลัง น้อยกว่าความเป็นไปได้ของดีเอ็นเอคุณหลายเท่า ความเป็นเอกลักษณ์ของคุณเป็นข้อเท็จจริงทางวิทยาศาตร์ของชีวิต เมื่อพระเจ้าทรงสร้างคุณเสร็จ พระองค์ก็ทุบแม่พิมพ์ทิ้ง ไม่เคยมีและจะไม่มีวันที่จะมีใครที่เหมือนกับคุณทุกประการ
เห็นได้ชัดว่าพระเจ้าทรงรักความหลากหลาย แค่มองไปรอบ ๆ คุณก็จะรู้ พระองค์สร้างเราแต่ละคนด้วยส่วนผสมของบุคลิกภาพที่ไม่เหมือนใคร พระเจ้าทรงสร้างคนชอบเก็บตัวและคนชอบเข้าสังคม คนที่ชอบทำอะไรเป็นกิจวัตร และคนที่ชอบความหลากหลาย พระองค์ทรงสร้างบางคนให้ "ชอบคิด" และบางคนเป็น "ชอบรู้สึก" บางคนทำงานได้ดีเมื่อทำงานคนเดียว ขณะที่บางคนทำได้เมื่อมีทีม พระคัมภีร์กล่าวว่า "พระเจ้าทรงทำงานผ่านผู้คนหลากหลาย ด้วยวิธีต่าง ๆ กัน แต่เป็นพระเจ้าองค์เดียวกันผู้ทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จผ่านทางพวกเขาทุกคน" (1 โครินธ์ 12:6 Ph)
พระคัมภีร์ให้ข้อพิสูจน์มากมายแก่เราว่า พระเจ้าทรงใช้บุคลิกภาพทุกชนิด เปโตรเป็นคนอารมณ์สนุก เปาโลเป็นคนอารมณ์ร้อน เยเรมีย์เป็นคนอารมณ์เศร้า เมื่อคุณดูความแตกต่างในบุคลิกภาพของสาวกสิบสองคน ก็จะง่ายที่จะเข้าใจว่า ทำไมบางครั้งพวกเขาจึงมีความขัดแย้งระหว่างกัน
ไม่มีบุคลิกภาพใดที่ "ถูก" หรือ "ผิด" สำหรับการทำพันธกิจ เราต้องการบุคลิกภาพทุกชนิดเพื่อให้คริสตจักรสมดุล และทำให้คริสตจักรมีรสชาติ โลกคงเป็นสถานที่น่าเบื่อมาก ถ้าทุกคนเป็นรสวานิลลากันหมด ยังดีที่มนุษย์มีมากกว่าสามสิบเอ็ดรส
บุคลิกภาพของคุณจะส่งผลต่อวิธีการและสถานที่ ซึ่งคุณจะใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณและความสามารถต่าง ๆ ยกตัวอย่าง คนสองคน อาจมีของประทานด้านการประกาศเหมือนกัน แต่ถ้าคนหนึ่งเก็บตัวและอีกคนชอบเข้าสังคม ของประทานนี้ก็จะแสดงออกในลักษณะที่แตกต่างกัน
บรรดาช่างไม้รู้ว่าการทำงานตามลายไม้นั้นง่ายกว่าการฝืนลายไม้ ในทำนองเดียวกันเมื่อคุณถูกบังคับให้รับใช้ในลักษณะที่ "ไม่เข้ากับ" บุคลิกภาพของคุณ มันก็จะนำมาซึ่งความตึงเครียดและความอึดอัด และต้องใช้ความพยายามและกำลังมากเป็นพิเศษ และจะไม่ก่อให้เกิดผลงานที่ดีที่สุด นี่คือเหตุผลที่การเลียนแบบพันธกิจของคนอื่นจึงเป็นวิธีที่ใช้ไม่ได้ คุณไม่มีบุคลิกภาพของพวกเขา ยิ่งกว่านั้น พระเจ้าทรงสร้างคุณให้เป็นคุณ คุณสามารถเรียนรู้จากตัวอย่างของคนอื่น แต่คุณต้องกรองสิ่งที่คุณเรียนรู้ผ่านลักษณะ (shape) ของคุณ เวลานี้มีหนังสือหลายเล่มและเครื่องมือหลายอย่างที่จะช่วยให้คุณเข้าใจบุคลิกภาพของคุณ เพื่อคุณจะสามารถตัดสินใจว่าจะใช้มันเพื่อพระเจ้าอย่างไร
เช่นเดียวกับกระจกสีที่ประกอบกันเป็นภาพ บุคลิกภาพที่แตกต่างของเราก็จะสะท้อนแสงสว่างของพระเจ้าเป็นหลายสี และรูปแบบ สิ่งนี้เป็นพระพรแก่ครอบครัวของพระเจ้าคือทำให้มีความลึกและความหลากหลาย และยังเป็นพระพรแก่เราโดยส่วนตัวด้วย การทำสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างเรามานั้นจะทำให้เรารู้สึกดี เมื่อคุณรับใช้ในลักษณะที่สอดคล้องกับบุคลิกซึ่งพระเจ้าประทานแก่คุณ คุณจะประสบกับความอิ่มใจ ความพึงพอใจ และการเกิดผล
SHAPE : ใช้ประสบการณ์ของคุณ (Experience)
พระเจ้าบรรจงปั้นคุณด้วยประสบการณ์ในชีวิตคุณ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกินที่คุณจะควบคุมได้ พระเจ้าทรงอนุญาตสิ่งเหล่านี้เพื่อพระประสงค์ของพระองค์ในการหล่อหลอมคุณ (โรม 8:28-29) ในการจะระบุลักษณะ (SHAPE) ของคุณเพื่อรับใช้พระเจ้านั้น คุณควรจะพิจารณาประสบการณ์ในอดีตอย่างน้อยหกอย่างได้แก่
๐ ประสบการณ์ ครอบครัว: คุณได้เรียนรู้อะไรบ้างขณะเติบโตขึ้นในครอบครัวของคุณ
๐ ประสบการณ์ การศึกษา: วิชาโปรดของคุณคือวิชาอะไร
๐ ประสบการณ์ อาชีพ: งานอะไรที่คุณมีประสิทธิภาพที่สุดและชอบมากที่สุด
๐ ประสบการณ์ ฝ่ายวิญญาณ: ประสบการณ์ใดเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายมากที่สุดของคุณกับพระเจ้า
๐ ประสบการณ์ พันธกิจ: คุณเคยรับใช้พระเจ้าอย่างไรบ้าง
๐ ประสบการณ์ที่เจ็บปวด: คุณได้เรียนรู้จากปัญหา บาดแผล หนามและความทุกข์ยากอะไรบ้าง
ประสบการณ์ประเภทสุดท้าย คือ ประสบการณ์ที่เจ็บปวดนี้เอง ที่พระเจ้าทรงใช้มากที่สุดในการเตรียมคุณสำหรับพันธกิจ พระเจ้าไม่เคยให้บาดแผลที่เกิดขึ้นนั้นสูญเปล่า อันที่จริงเป็นไปได้ว่าพันธกิจที่สำคัญที่สุดของคุณจะมาจากความเจ็บปวดที่หนักหนาที่สุด ใครจะทำพันธกิจกับพ่อแม่ที่มีลูกเป็นโรคดาวน์ซินโดรมได้ดีกว่าสามีภรรยาอีกคู่หนึ่งที่มีลูกประสบปัญหาแบบเดียวกัน ใครจะสามารถช่วยคนติดเหล้าได้ดีกว่าคนที่เคยต่อสู้กับปีศาจตนนั้นและได้พบเสรีภาพ ใครจะสามารถปลอบใจภรรยาที่สามีทิ้งเธอไปหาหญิงอื่นได้ดีกว่าผู้หญิงที่เคยผ่านความโศกเศร้าอย่างเดียวกัน
พระเจ้าทรงจงใจอนุญาตให้คุณผ่านประสบการณ์ที่เจ็บปวดเพื่อเตรียมคุณสำหรับการรับใช้คนอื่น พระคัมภีร์กล่าวว่า "พระองค์ผู้ทรงชูใจเราในการทุกข์ยากทั้งสิ้นของเราเพื่อเราจะสามารถชูใจคนเหล่านั้นที่มีความทุกข์ยากอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยความชูใจซึ่งตัวเราเองได้รับจากพระเจ้า" (2 โครินธ์ 1:4)
ถ้าคุณปราถนาจริง ๆ ที่จะให้พระเจ้าทรงใช้ คุณก็ต้องเข้าใจความจริงที่ทรงพลังข้อหนึ่ง นั่นคือ ประสบการณ์ใด ๆ ก็ตามที่คุณรู้สึกเสียใจหรือเจ็บใจมากที่สุดในชีวิต ประสบการณ์ที่คุณอยากซุกซ่อนและลืมมันเสีย ประสบการณ์นั้นคือ ประสบการณ์ที่พระเจ้าต้องการใช้เพื่อช่วยเหลือคนอื่น ประสบการณ์เหล่านั้นคือพันธกิจของคุณ
ถ้าคุณจะให้พระเจ้าทรงใช้ประสบการณ์ที่เจ็บปวดของคุณ คุณก็ต้องเต็มใจที่จะเล่าสิ่งเหล่านั้น คุณต้องหยุดปกปิด และคุณต้องยอมรับความผิดพลาด ความล้มเหลว และความกลัวของคุณด้วยความสัตย์จริง การทำเช่นนี้อาจจะเป็นพันธกิจที่มีประสิทธิภาพที่สุดของคุณ ผู้คนจะได้รับการหนุนใจมากกว่า ถ้าเราเล่าว่าพระคุณของพระเจ้าช่วยเหลือความอ่อนแอของเราอย่างไร แทนที่จะอวดความเข้มแข็งของเรา
เปาโลเข้าใจความจริงนี้ ดังนั้นท่านจึงเปิดเผยเรื่องช่วงเวลาที่ท่านต่อสู้กับความหดหู่ใจ ท่านยอมรับว่า "พี่น้องทั้งหลาย เราอยากให้ท่านทราบถึงความทุกข์ยากที่เกิดแก่เราในแคว้นเอเชีย ซึ่งทำให้เราหนักใจเหลือกำลัง จนเราเกือบหมดหวังที่จะเอาชีวิตรอดมาได้ที่จริงเราคาดว่า เราถึงที่ตายแล้ว แต่ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นการดี เพราะว่าพระองค์สามารถชุบคนให้เป็นขึ้นจากตายได้ และพระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากมรณภัย และแน่ทีเดียว เราคาดหวังว่าพระองค์จะทรงช่วยเราต่อไปอีก" (2 โครินธ์ 1:8-10 LB)
ถ้าเปาโลเก็บประสบการณ์ ความสงสัย และความหดหู่ของท่านไว้เป็นความลับ คนนับล้านก็จะไม่มีวันได้รับประโยชน์อะไรจากมัน ประสบการณ์ที่เล่าให้คนอื่นฟังเท่านั้นที่สามารถช่วยคนอื่นได้ อัลดอส ฮักซ์เลย์ ได้กล่าวว่า "ประสบการณ์ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณแต่เป็นสิ่งที่คุณปฏิบัติต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ" คุณจะทำอะไรกับสิ่งที่คุณผ่านพบมา อย่าให้บาดแผลของคุณสูญเปล่า แต่จงใช้มันช่วยเหลือคนอื่น
เมื่อเราพิจารณาทั้งห้าวิธีที่พระเจ้าบรรจงปั้นคุณเพื่อการรับใช้ ผมก็หวังว่าคุณจะชื่นชมอำนาจสิทธิ์ขาดของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น และมีความเข้าใจว่าพระองค์ได้ทรงเตรียมคุณอย่างไรเพื่อวัตถุประสงค์ในการรับใช้พระองค์ การใช้ลักษณะ (SHAPE) ของคุณคือเคล็ดลับของการเกิดผลและความอิ่มเอมใจในพันธกิจ คุณจะมีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อคุณใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณและความสามารถของคุณ ในงานที่เป็นใจคุณปราถนาและในแบบที่แสดงออกถึงบุคลิกและประสบการณ์ของคุณได้ดีที่สุด ยิ่งมันเหมาะเจาะแค่ไหนคุณยิ่งประสบความสำเร็จมากแค่นั้น
วันที่ 31 คิดถึงวัตถุประสงค์ของฉัน
ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ: ไม่มีใครอื่นที่สามารถเป็นตัวฉันได้
ข้อพระคัมภีร์สำหรับท่องจำ: "พระเจ้าประทานความสามารถพิเศษบางอย่างแก่เราแต่ละคน อย่าลืมใช้สิ่งเหล่านั้นเพื่อช่วยเหลือกันและกัน ส่งมอบพระพรนานาประการของพระเจ้าแก่ผู้อื่น" 1 เปโตร 4:10 (LB)
คำถามสำหรับการพิจารณา: มีความสามารถใดที่พระเจ้าประทานให้ หรือมีประสบการณ์ส่วนตัวครั้งไหน ที่ฉันสามารถให้แก่คริสตจักรของฉันได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น