วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วันที่ 36 สร้างมาเพื่อภารกิจอย่างหนึ่ง

วัตถุประสงค์ที่ 5
คุณถูกสร้างมาเพื่อภารกิจอย่างหนึ่ง

ผลของคนชอบธรรมเป็นต้นไม้แห่งชีวิตและผู้ที่นำวิญญาณก็มีปัญญา
สุภาษิต 11:30 (NIV)

วันที่ 36
สร้างมาเพื่อภารกิจอย่างหนึ่ง

พระองค์ประทานภารกิจในโลกนี้แก่ข้าพระองค์อย่างไร ข้าพระองค์ก็มอบหมายภารกิจในโลกแก่พวกเขาอย่างนั้น
ยอห์น 17:18 (Msg)

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ข้าพเจ้าทำภารกิจของข้าพเจ้าให้เสร็จคืองานที่พระเยซูเจ้าทรงมอบหมายแก่ข้าพเจ้า
กิจการ 20:24 (NCV)

คุณถูกสร้างมาเพื่อภารกิจอย่างหนึ่ง

พระเจ้ากำลังทำงานในโลกนี้ และพระองค์ต้องการให้คุณร่วมงานกับพระองค์ หน้าที่มอบหมายนี้เรียกว่าภารกิจของคุณ พระเจ้าต้องการให้คุณมีทั้งพันธกิจในพระกายของพระคริสต์ และภาระกิจในโลก พันธกิจคือการที่คุณรับใช้ผู้เชื่อ (โคโลสี 1:25, 1 โครินธ์ 12:5) และภารกิจคือการที่คุณรับใช้ผู้ที่ยังไม่เชื่อ การทำให้ภารกิจในโลกนี้สำเร็จ คือ พระประสงค์ประการที่ห้าสำหรับชีวิตคุณ

ภารกิจชีวิตของคุณมีทั้งที่ต้องทำร่วมกับคนอื่นและที่ต้องทำส่วนตัวเฉพาะเจาะจง ส่วนหนึ่งเป็นความรับผิดชอบที่คุณแบกรับร่วมกับคริสเตียนอื่นทุกคน และอีกส่วนหนึ่งเป็นหน้าที่มอบหมายเฉพาะจงสำหรับคุณคนเดียว เราจะดูทั้งสองส่วนในบทต่อ ๆ ไป

คำว่าภารกิจในภาษาอังกฤษ (mission) มาจากภาษาละตินที่แปลว่า "การส่ง" การเป็นคริสเตียนนั้นครอบคลุมถึงการถูกส่งเข้าไปในโลกในฐานะตัวแทนของพระเยซูคริสต์ พระเยซูตรัสว่า "พระบิดาทรงใช้เราฉันใด เราก็ใช้ท่านทั้งหลายไปฉันนั้น" (ยอห์น 20:21)

พระเยซูทรงเข้าใจภารกิจชีวิตของพระองค์ในโลกนี้อย่างชัดเจน เมื่อพระชนม์ได้สิบสองพรรษา พระองค์ตรัสว่า "ลูกต้องทำงานของพระบิดา" (ลูกา 2:49 2002) และอีกยี่สิบเอ็ดปีต่อมา พระองค์ตรัสว่า "สำเร็จแล้ว" (ยอห์น 19:30) ขณะสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เช่นเดียวกับหัวท้ายของหนังสือ ข้อความสองประโยคนี้คือกรอบของชีวิตที่เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์ซึ่งดำเนินมาอย่างดี พระเยซูทรงเสร็จภารกิจที่พระบิดาประทานแก่พระองค์

บัดนี้ภารกิจที่พระเยซูทรงกระทำขณะอยู่ในโลกนี้กลายมาเป็นภารกิจของเรา เพราะว่าเราเป็นพระกายของพระคริสต์ สิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำด้วยพระกายเนื้อหนังของพระองค์เราต้องทำต่อในฐานะพระกายฝ่ายวิญญาณของพระองค์ คือ คริสตจักร แล้วภารกิจนั้นคืออะไร ก็คือการแนะนำคนให้รู้จักพระเจ้า พระคัมภีร์กล่าวว่า "พระเจ้าทรงเปลี่ยนเราผู้เป็นศัตรูกับพระองค์ ให้กลับเป็นมิตรกับพระองค์ทางพระเยซูคริสต์ และทรงมอบหน้าที่ให้เราช่วยคนทั้งหลายมาเป็นมิตรกับพระองค์ด้วย" (2 โครินธ์ 5:18 ประชานิยม)

พระเจ้าต้องการไถ่มนุษย์จากซาตาน และทำให้พวกเขาคืนดีกับพระองค์ เพื่อเราจะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงสร้างเรามา นั่นคือให้รักพระองค์ เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของพระองค์ เป็นเหมือนพระองค์ รับใช้พระองค์ และบอกผู้อื่นเกี่ยวกับพระองค์ เมื่อเราเป็นของพระองค์แล้ว พระเจ้าก็ทรงใช้เราไปหาคนอื่น พระองค์ทรงช่วยเราให้รอด แล้วทรงส่งเราออกไป พระคัมภีร์กล่าวว่า "เราถูกส่งออกไป เพื่อพูดแทนพระคริสต์" (2 โครินธ์ 5:20 NCV) เราเป็นผู้สื่อสารความรักและพระประสงค์ของพระองค์ไปสู่โลกนี้

ความสำคัญแห่งภารกิจของคุณ

การทำให้ภารกิจชีวิตของคุณสำเร็จนั้นเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินชีวิตเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า พระคัมภีร์ให้เหตุผลหลายประการว่า ทำไมภารกิจของคุณจึงสำคัญยิ่งนัก

ภารกิจของคุณเป็นการสืบสานภารกิจของพระคริสต์ในโลกนี้ ในฐานะผู้ติดตามพระองค์ เราต้องทำสิ่งพระเยซูได้ทรงเริ่มต้นไว้ต่อไป พระเยซูทรงเรียกเราไม่เพียงแต่ให้มาหาพระองค์ แต่ให้ออกไปเพื่อพระองค์ด้วย ภารกิจของคุณนั้นสำคัญมากถึงขนาดที่พระเยซูตรัสย้ำเรื่องนี้ห้าครั้งด้วยห้าประโยคที่แตกต่างกันในพระธรรมห้าเล่ม (มัทธิว 28:19-20, มาระโก 16:15, ลูกา 24:47, ยอห์น 20:21, กิจการ 1:8) เหมือนกับพระเยซูกำลังตรัสว่า "เราปราถนาเหลือเกินที่จะให้เจ้าเข้าใจเรื่องนี้" ลองศึกษาพระบัญชาทั้งห้าตอนของพระเยซู และคุณจะรู้รายละเอียดภารกิจของคุณในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไร ที่ไหน ทำไมและอย่างไร

ในพระมหาบัญชา พระเยซูตรัสว่า "เจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้" (มัทธิว 28:19-20) คำสั่งนี้ประทานแก่ผู้ที่ติดตามพระเยซูทุกคน ไม่ใช่แก่ศิษยาภิบาลหรือมิชชั่นนารีเท่านั้น นี่เป็นพระบัญชาที่พระเยซูตรัสสั่งคุณ และมันไม่ใช่ทางเลือก ถ้อยคำเหล่านี้ของพระเยซูไม่ใช่พระมหาคำแนะนำ ถ้าคุณเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพระเจ้า ภารกิจของคุณก็เป็นคำสั่ง การละเลยก็เท่ากับการไม่เชื่อฟัง

คุณอาจจะไม่เคยรู้ว่า พระเจ้าทรงให้คุณรับผิดชอบคนไม่เชื่อที่อยู่รอบข้างคุณ พระคัมภีร์กล่าวว่า "จงเตือนเขาตามที่เราบอกเจ้า ถ้าเราแจ้งแก่เจ้าว่า คนชั่วช้าจะต้องตาย แต่เจ้าจะต้องรับผิดชอบเพราะความตายของเขา" (เอเสเคียล 3:18 ประชานิยม) คุณเป็นคริสเตียนคนเดียวที่บางคนจะมีโอกาสได้รู้จัก และภารกิจของคุณคือ บอกเรื่องพระเยซูแก่พวกเขา

ภารกิจของคุณเป็นสิทธิพิเศษที่ยอดเยี่ยม แม้เป็นความรับผิดชอบใหญ่หลวง แต่การที่พระเจ้าทรงใช้คุณก็เป็นเกียรติอย่างเหลือเชื่อ เปาโลกล่าวว่า "พระเจ้าได้ประทานสิทธิพิเศษแก่เรา ในการเรียกร้องทุกคนให้มาถึงความกรุณาของพระเจ้า และคืนดีกับพระองค์" (2 โครินธ์ 5:18 LB) ภารกิจของคุณเกี่ยวข้องกับสิทธิพิเศษสำคัญสองประการ คือ การได้ทำงานร่วมกับพระเจ้าและการเป็นผู้แทนของพระองค์ เราได้เป็นผู้ร่วมงานกับพระเจ้าในการสร้างอาณาจักรของพระเจ้า เปาโลเรียกเราว่า "เพื่อนร่วมงาน" และกล่่าว "เราทำงานร่วมกับพระเจ้า" (2 โครินธ์ 6:1 2002)

พระเยซูได้ทรงรับประกันความรอดของเรา ให้เราอยู่ในครอบครัวของพระองค์ ประทานพระวิญญาณของพระองค์แก่เรา แล้วทำให้เราเป็นผู้แทนของพระองค์ในโลกนี้ ช่างเป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ พระคัมภีร์กล่าวว่า "เราเป็นตัวแทนของพระคริสต์ พระเจ้าทรงใช้เราให้ชักชวนชายและหญิงให้ละทิ้งความเป็นปฏิปักษ์ และเข้าสู่พระราชกิจของพระเจ้าในการทำให้พวกเขาคืนดีกับพระเจ้า เรากำลังพูดแทนพระคริสต์ในเวลานี้ว่า จงมาเป็นมิตรสหายกับพระเจ้า" (2 โครินธ์ 5:20 Msg)

การบอกคนอื่นถึงวิธีที่พวกเขาจะสามารถมีชีวิตนิรันดร์ได้ คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณสามารถทำเพื่อพวกเขา ถ้าเพื่อนบ้านคุณเป็นมะเร็งหรือโรคเอดส์ และคุณรู้วิธีรักษามันคงเป็นอาชญากรรมถ้าคุณปกปิดข้อมูลที่จะช่วยชีวิตเขาได้ ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ การปกปิดหนทางสู่การอภัยโทษ วัตถุประสงค์ สันติสุข และชีวิตนิรันดร์ไว้เป็นความลับ เรามีข่าวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และการบอกข่าวนี้ก็เป็นความเอื้อเฟื้อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณสามารถให้แก่ทุกคน

ปัญหาอย่างหนึ่งของคนที่เป็นคริสเตียนมานานคือ พวกเขาลืมไปแล้วว่า ตนเคยรู้สึกสิ้นหวังเพียงไรเมื่อไม่มีพระคริสต์ เราต้องระลึกเสมอว่า ไม่ว่าคนจะดูเหมือนพึงพอใจหรือประสบความสำเร็จเพียงไร แต่ปราศจากพระคริสต์ พวกเขาก็เป็นคนหลงทางสิ้นหวังและกำลังมุ่งไปสู่การแยกจากพระเจ้าชั่วนิรันดร์ พระคัมภีร์กล่าวว่า "ไม่มีใครช่วยเราให้รอดบาปไปได้ นอกจากพระเยซู" (กิจการ 4:12 ประชานิยม) ทุกคนต้องการพระเยซู

ภารกิจของคุณมีความสำคัญนิรันดร์ มันจะมีผลต่อจุดหมายปลายทางนิรันดร์ของคนอื่น ดังนั้นมันจึงสำคัญยิ่งกว่างาน ความสำเร็จ หรือเป้าหมายใด ๆ ที่คุณจะบรรลุในชีวิตบนโลกนี้ ผลสืบเนื่องแห่งภารกิจของคุณจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ แต่ผลสืบเนื่องจากอาชีพของคุณจะไม่ยั่งยืน ในบรรดาสิ่งที่คุณทำได้นั้น ไม่มีสิ่งใดจะสำคัญเท่ากับการช่วยคนอื่นสร้างความสัมพันธ์นิรันดร์กับพระเจ้า

นี่คือเหตุผลที่เราต้องเร่งรีบทำภารกิจของเรา พระเยซูตรัสว่า "เราทุกคนต้องรีบทำงานที่พระองค์ผู้ทรงใช้เรามามอบหมายให้ เพราะเวลาก็เหลือน้อย กลางคืนก็ใกล้เข้ามา และงานทุกอย่างจะสิ้นสุดลง" (ยอห์น 9:4 NLT) นาฬิกากำลังนับถอยหลังภารกิจชีวิตของคุณดังนั้นอย่าผลัดวันประกันพรุ่ง จงเริ่มต้นทำภารกิจของคุณในการประกาศกับคนอื่นเดี๋ยวนี้ เราจะมีเวลาตลอดชั่วนิรันดร์เพื่อเฉลิมฉลองกับคนเหล่านั้น ที่เราได้นำมาถึงพระคริสต์แต่เรามีแค่ชีวิตนี้เท่านั้นที่จะประกาศกับพวกเขา

นี่ไม่ได้หมายความว่า คุณควรลาออกจากงานของคุณเพื่อมาเป็นผู้ประกาศเต็มเวลา พระเจ้าต้องการให้คุณประกาศข่าวประเสริฐในที่ที่คุณอยู่ ในฐานะนักศึกษา แม่ ครูสอนเด็กก่อนวัยเรียน นักขาย หรือผู้จัดการ หรืออะไรก็ตามที่คุณทำ คุณควรมองหาคนที่พระเจ้าทรงนำมาบนเส้นทางของคุณ ซึ่งคุณจะสามารถประกาศข่าวประเสริฐแก่เขา

ภารกิจของคุณทำให้ชีวิตคุณมีความหมาย วิลเลี่ยม เจมส์ได้กล่าวว่า "การใช้ชีวิตที่ดีที่สุดคือการใช้ชีวิตเพื่อสิ่งที่ยืนยาวกว่าตัวมันเอง" ความจริงคือ แผ่นดินของพระเจ้าเท่านั้นที่จะยืนยง สิ่งอื่นทุกสิ่งจะอันตรธานไปในที่สุด นั่นคือเหตุผลที่เราต้องดำเนินชีวิตที่เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์ ชีวิตที่อุทิศทุ่มเทให้การนมัสการ การสามัคคีธรรม การเติบโตฝ่ายวิญญาณ พันธกิจ และการทำให้ภารกิจของเราบนโลกนี้สำเร็จ ผลของกิจกรรมเหล่านี้จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ !

ถ้าคุณไม่ได้ทำภารกิจในโลกซึ่งพระเจ้าประทานให้นั้นสำเร็จ คุณก็ทำให้ชีวิตที่พระเจ้าประทานแก่คุณสูญเปล่า เปาโลกล่าวว่า "ชีวิตของข้าพเจ้าไม่มีค่าอะไร เว้นแต่ข้าพเจ้าจะใช้มัน เพื่อทำงานที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบหมายแก่ข้าพเจ้าคือ งานการบอกข่าวประเสริฐเรื่องพระเมตตาและความรักอันอัศจรรย์ของพระเจ้าแก่คนอื่น ๆ" (กิจการ 20:24 NLT) มีแต่คุณเท่านั้นที่เข้าถึงคนบางคนในโลกนี้ได้ ถ้าเพียงคนหนึ่งได้เข้าสวรรค์เพราะคุณ ชีวิตคุณก็ได้ทำให้เกิดผลกระทบชั่วนิรันดร์ จงเริ่มมองดูสถานที่ซึ่งคุณสามารถทำภารกิจส่วนตัว และอธิษฐานว่า "ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงให้ใครผ่านมาในชีวิตของข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะบอกเรื่องพระเยซูแก่เขา"

ตารางเวลาของพระเจ้าสำหรับจุดจบแห่งประวัติศาสตร์นั้น เกี่ยวข้องกับการที่เราทำให้พระมหาบัญชาเสร็จสมบูรณ์ ในวันนี้ การเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์ และจุดจบของโลกได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร ก่อนพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ เหล่าสาวกได้ถามคำถามเดียวกันนี้กับพระองค์ และคำตอบของพระองค์ก็เปิดเผยอะไรหลายอย่าง พระองค์ตรัสว่า "ไม่ใช่ธุระของท่านที่จะรู้เวลาและวาระซึ่งพระบิดาได้ทรงกำหนดไว้โดยสิทธิอำนาจของพระองค์ แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดชเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรียและจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก" (กิจการ 1:7-8)

เมื่อพวกสาวกต้องการคุยเรื่องคำพยากรณ์ พระเยซูทรงเปลี่ยนเรื่องสนทนาอย่างรวดเร็วไปที่เรื่องการประกาศ พระองค์ต้องการให้พวกเขาจดจ่อที่ภารกิจของพวกเขา คำตรัสของพระองค์มีใจความสำคัญว่า "รายละเอียดเรื่องการกลับมาของเราไม่ใช่ธุระของท่าน ธุระของท่านคือ ภารกิจที่เรามอบหมายให้ทำ จงจดจ่อที่สิ่งนั้น"

การคาดเดาเวลาอันเจาะจงที่พระคริสต์จะกลับมานั้นเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ เพราะพระเยซูตรัสว่า "แต่วันนั้น โมงนั้น ไม่มีใครรู้ ถึงบรรดาทูตสวรรค์หรือพระบุตรก็ไม่รู้ รู้แต่พระบิดาองค์เดียว" (มัทธิว 24:36) เนื่องจากพระเยซูตรัสว่าพระองค์ไม่ทรงทราบวันนั้นหรือโมงนั้น แล้วทำไมคุณถึงต้องการพยายามจะรู้ด้วยเล่า สิ่งที่เรารู้แน่นอนคือ พระเยซูจะไม่เสด็จกลับมาจนกว่าทุกคนที่พระเจ้าต้องการให้ได้ยินข่าวประเสริฐจะได้ยินข่าวนั้น พระเยซูตรัสว่า "ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าจะได้ประกาศไปทั่วโลกแก่คนทุกชาติ แล้วที่สุดปลายจะมาถึง" (มัทธิว 24:14 NCV) ถ้าคุณต้องการให้พระเยซูเสด็จกลับมาเร็วขึ้นจงจดจ่อที่การทำภารกิจของคุณสำเร็จ ไม่ใช่การไขปริศนาคำพยากรณ์

มันง่ายที่จะหันเหและเบี่ยงเบนจากภารกิจของเรา เพราะว่าซาตานต้องการให้คุณทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การเล่าความเชื่อของคุณให้คนอื่นฟัง มันจะยอมให้คุณทำสิ่งดีอื่น ๆ ทุกอย่างตราบใดที่คุณไม่นำใครไปสวรรค์กับคุณ แต่ทันทีที่คุณเริ่มจริงจังกับภารกิจนี้ คุณก็คาดหมายได้เลยว่ามารจะระดมสิ่งหันเหทุกอย่างมายังคุณ เมื่อเป็นเช่นนี้ จงจดจำถ้อยคำของพระเยซูที่ว่า "ผู้ใดที่ปล่อยให้ตัวเองหันเหจากงานที่เรากำหนดให้ ก็ไม่คู่ควรกับแผ่นดินของพระเจ้า" (ลูกา 9:62 LB)

อะไรคือราคาค่างวดของการทำให้ภารกิจของคุณสำเร็จ

การทำให้ภารกิจของคุณสำเร็จนั้นเรียกร้องให้คุณละทิ้งแผนการของคุณ และรับเอาแผนการของพระเจ้าสำหรับชีวิตคุณ คุณไม่สามารถ "เพิ่มมันเข้ามา" กับสิ่งอื่น ๆ ที่คุณอยากจะทำกับชีวิตของคุณ คุณต้องพูดเหมือนพระเยซูว่า "ข้าแต่พระบิดา… อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์" (ลูกา 22:42 2002) คุณยอมสละสิทธิความคาดหวัง ความใฝ่ฝัน แผนการ และความทะเยอทะยานของคุณแด่พระองค์ คุณเลิกกล่าวคำอธิษฐานที่เห็นแก่ตัวอย่างเช่น "ขอพระเจ้าทรงอวยพรสิ่งที่ข้าพระองค์อยากจะทำ" ตรงกันข้าม คุณจะอธิษฐานว่า "ขอพระเจ้าทรงช่วยข้าพระองค์ให้ทำในสิ่งที่พระองค์ทรงอวยพระพร" คุณมอบกระดาษเปล่าที่ลงลายมือไว้ข้างล่างแด่พระเจ้าและทูลพระองค์ให้ทรงเติมรายละเอียดต่าง ๆ ลงไป พระคัมภีร์กล่าวว่า "จงถวายตัวของท่านแด่พระเจ้าอย่างหมดสิ้น อวัยวะทุกส่วนของท่าน… เพื่อเป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระเจ้าเพื่อใช้สำหรับพระประสงค์อันดีของพระองค์" (โรม 6:13ข LB)

ถ้าคุณอุทิศทุ่มเทเพื่อทำให้ภารกิจในชีวิตของคุณสำเร็จโดยไม่คำนึงว่าจะต้องเสียอะไร คุณก็จะประสบกับพระพรของพระเจ้าในแบบที่น้อยคนได้พบ แทบจะไม่มีสิ่งใดเลยที่พระเจ้าจะไม่ทรงทำเพื่อชายหรือหญิงที่ถวายตัวเพื่อรับใช้อาณาของพระเจ้า พระเยซูทรงสัญญาว่า "พระเจ้าจะประทานทุกสิ่งที่จำเป็นแก่ท่านในแต่ละวัน ถ้าท่านอยู่เพื่อพระองค์และให้แผ่นดินของพระเจ้าเป็นความสนใจหลักของท่าน (มัทธิว 6:33 NLT)

อีกคนหนึ่งเพื่อพระเยซู

คุณพ่อของผมเป็นผู้รับใช้กว่าห้าสิบปี ส่วนใหญ่รับใช้ในคริสตจักรชนบทเล็ก ๆ ท่านเป็นนักเทศน์เรียบง่าย แต่ท่านเป็นคนที่ยึดมั่นในภารกิจ กิจกรรมที่ท่านชอบที่สุด คือ การพาคณะอาสาสมัครไปต่างประเทศเพื่อสร้างอาคารคริสตจักรให้คริสตจักรเล็ก ๆ ตลอดชีวิตของท่าน คุณพ่อได้สร้างคริสตจักรกว่า 150 แห่งทั่วโลก

ในปี 1999 คุณพ่อเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ในสัปดาห์สุดท้ายของชีวิต โรคนี้ทำให้ท่านตื่นอยู่สภาพกึ่งรู้สึกตัวแทบจะตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เมื่อท่านฝัน ท่านจะพูดสิ่งที่ท่านฝันออกมา ผมนั่งข้างเตียงของท่าน และได้รู้หลายอย่างเกี่ยวกับคุณพ่อของผมจากการฟังสิ่งที่ท่านฝัน ท่านทบทวนโครงการก่อสร้างคริสตจักรที่ละแห่ง ๆ

คืนหนึ่งเมื่อท่านใกล้จะสิ้นใจ ขณะที่ภรรยาของผม หลานของผม และผมอยู่ข้าง ๆ ท่าน จู่ ๆ คุณพ่อก็ตื่นตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน และพยายามลุกจากเตียง แน่นอนท่านอ่อนแอเกินไป และภรรยาผมก็พยายามให้ท่านนอนลง แต่ท่านขัดขืนพยายามลงจากเตียงในที่สุดภรรยาผมจึงถามว่า "พ่อคะ พ่อพยายามจะทำอะไร" ท่านตอบว่า "ต้องช่วยอีกคนหนึ่งให้รอดเพื่อพระเยซู ต้องช่วยอีกคนหนึ่งให้รอดเพื่อพระเยซู ต้องช่วยอีกคนหนึ่งให้รอดเพื่อพระเยซู" ท่านเริ่มพูดวลีนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก

ตลอดชั่วโมงต่อมา ท่านพูดวลีนี้สักร้อยครั้งเห็นจะได้ "ต้องช่วยอีกคนหนึ่งให้รอดเพื่อพระเยซู" ขณะที่ผมนั่งข้างเตียงท่านด้วยน้ำตาไหลอาบแก้ม ผมก็ก้มศีรษะขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับความเชื่อของคุณพ่อ เวลานั้นเอง คุณพ่อก็ยื่นมือออกมา และวางมือที่อ่อนเปลี้ยของท่านบนศีรษะผม และพูดเหมือนกำลังบัญชาผมว่า "ต้องช่วยอีกคนหนึ่งให้รอดเพื่อพระเยซู ต้องช่วยอีกคนหนึ่งให้รอดเพื่อพระเยซู"

ผมตั้งใจว่าจะให้เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเวลาที่เหลืออยู่ในชีวิตผม ผมขอเชื้อเชิญคุณให้ถือว่าเรื่องนี้คือ ความสนใจหลักในชีวิตของคุณด้วย เพราะไม่มีสิ่งใดจะสร้างความเปลี่ยนแปลงนิรันดร์ได้มากกว่าภารกิจนี้ ถ้าคุณต้องการให้พระเจ้าทรงใช้คุณ คุณก็ต้องห่วงใยสิ่งที่พระเจ้าทรงห่วงใย และสิ่งที่พระองค์ห่วงใยมากที่สุดคือ การไถ่มนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้าง พระองค์ต้องการให้ลูกที่หลงหายของพระองค์ได้กลับมา สำหรับพระเจ้าไม่มีอะไรสำคัญมากกว่านี้ กางเขนได้พิสูจน์เรื่องนี้ ผมอธิษฐานขอให้คุณคอยมองหาโอกาสที่จะนำ "อีกคนหนึ่งเพื่อพระเยซู" เพื่อว่าวันหนึ่ง เมื่อคุณยืนต่อพระพักตร์พระเจ้าคุณจะสามารถพูดได้ว่า "ภารกิจสำเร็จแล้ว"

วันที่ 36 คิดถึงวัตถุประสงค์ของฉัน

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ: ฉันถูกสร้างมาเพื่อภารกิจอย่างหนึ่ง

ข้อพระคัมภีร์สำหรับท่องจำ: "เหตุฉะนั้น เจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละ เราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไปจนกว่าจะสิ้นยุค" มัทธิว 28:19-20

คำถามสำหรับการพิจารณา: พระเจ้าสร้างฉันมาเพื่อทำภารกิจอย่างหนึ่ง มีความกลัวอะไรที่ขัดขวางไม่ให้ฉันทำภารกิจนั้นสำเร็จ มีอะไรขัดขวางฉันไม่ให้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนอื่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น