วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วันที่ 29 ยอมรับหน้าที่ซึ่งมอบหมายแก่คุณ

วัตถุประสงค์ 4
คุณถูกกำหนดลักษณะเพื่อรับใช้พระเจ้า

พวกเราเป็นแต่เพียงผู้รับใช้พระเจ้า… แต่ละคนต่างก็ทำหน้าที่ที่พระเจ้าทรงมอบหมายมา ข้าพเจ้าเป็นผู้เพาะเมล็ดลงดิน อปอลโลเป็นผู้รดน้ำแต่เป็นพระเจ้าต่างหากเล่าที่ทำให้พืชเจริญงอกงาม
1 โครินธ์ 3:5-6 (ประชานิยม)

วันที่ 29
ยอมรับหน้าที่ซึ่งมอบหมายแก่คุณ

พระเจ้าเองทรงเป็นผู้สร้างเราให้เป็นอย่างที่เราเป็น และประทานชีวิตใหม่จากพระเยซูคริสต์แก่เรา และนานหลายยุคหลายสมัยมาแล้ว พระองค์ได้ทรงวางแผนว่าเราควรจะใช้ชีวิตนี้ช่วยเหลือผู้อื่น
เอเฟซัส 2:10 (LB)

ข้าพระองค์ได้ถวายเกียรติแด่พระองค์ในโลกโดยการทำสิ่งที่พระองค์ทรงมอบหมายให้ทำจนสำเร็จครบถ้วนทุกรายละเอียด
ยอห์น 17:4 (Msg)

พระเจ้าให้คุณมาอยู่ในโลกนี้เพื่อทำประโยชน์

คุณไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพียงเพื่อบริโภคทรัพยากร ทานอาหาร หายใจ แล้วก็กิน ที่พระเจ้าทรงกำหนดคุณไว้เพื่อใช้ชีวิตสร้างความแตกต่าง ในขณะที่หนังสือขายดีหลายเล่มให้คำแนะนำว่า ทำอย่างไรจึงจะ "ได้" มากที่สุดจากชีวิต แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่พระเจ้าทรงสร้างคุณ คุณถูกสร้างมาเพื่อเติมบางสิ่งแก่ชีวิตในโลก ไม่ใช่แค่หยิบฉวยเอาจากโลก พระเจ้าต้องการให้คุณให้บางสิ่งบางอย่างเป็นการตอบแทน นี่คือวัตถุประสงค์ประการที่สี่ของพระเจ้าสำหรับชีวิตคุณ และมันเรียกว่า "พันธกิจ" หรือการรับใช้ พระคัมภีร์ให้รายละเอียดแก่เรา

คุณถูกสร้างมาเพื่อรับใช้พระเจ้า พระคัมภีร์กล่าวว่า "พระเจ้าทรงสร้างเรา… ให้มีชีวิตเพื่อทำการดี นี่เป็นแผนการที่ทรงดำริไว้ให้เราทำ" (เอเฟซัส 2:10ข ประชานิยม) "การดี" เหล่านี้คือการรับใช้ เมื่อไรก็ตามที่คุณรับใช้คนอื่นไม่ว่าจะลักษณะใด แท้ที่จริงคุณก็กำลังรับใช้พระเจ้า (โคโลสี 3:23-24, มัทธิว 25:34-45, เอเฟซัส 6:7) และทำให้วัตถุประสงค์ประการหนึ่งของคุณสำเร็จ ในสองบทต่อไปนี้ คุณจะเห็นวิธีที่พระเจ้าทรงหล่อหลอมคุณเพื่อวัตถุประสงค์ข้อนี้อย่างพิถีพิถัน สิ่งที่พระเจ้าตรัสบอกเยเรมีย์ก็เป็นจริงสำหรับคุณด้วย "เราได้เลือกเจ้าก่อนที่เราสร้างเจ้าในครรภ์มารดา เราได้แยกเจ้าไว้สำหรับงานพิเศษตั้งแต่ก่อนที่เจ้าเกิด" (เยเรมีย์ 1:5 NCV) พระเจ้าทรงวางคุณไว้ในโลกนี้เพื่องานพิเศษอย่างหนึ่ง

คุณได้รับความรอดเพื่อรับใช้พระเจ้า พระคัมภีร์กล่าวว่า "พระองค์ผู้ได้ทรงช่วยเราให้รอด และได้ทรงเลือกเรามาทำงานอันบริสุทธิ์ของพระองค์ ไม่ใช่เพราะเราควรค่าแต่เพราะนั่นคือแผนการของพระองค์" (2 ทิโมธี 1:9 LB) พระเจ้าได้ทรงไถ่คุณเพื่อคุณจะสามารถทำ "งานอันบริสุทธิ์" ของพระองค์ คุณไม่ได้รับความรอดเพราะการรับใช้ แต่รอดเพื่อจะรับใช้ในแผ่นดินของพระเจ้า คุณมีตำแหน่ง มีวัตถุประสงค์ มีบทบาท และมีหน้าที่ซึ่งต้องทำให้สำเร็จ สิ่งนี้ทำให้ชีวิตคุณมีความหมายและมีคุณค่าอย่างมหาศาล

พระเยซูต้องสละพระชนม์ชีพของพระองค์เพื่อซื้อความรอดของคุณ พระคัมภีร์ย้ำเตือนเราว่า "พระเจ้าได้ทรงซื้อท่านไว้แล้วด้วยราคาสูง เหตุฉะนั้นท่านจงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยใช้ร่างกายของท่านเถิด" (1 โครินธ์ 6:20) เราไม่ได้รับใช้พระเจ้าด้วยความรู้สึกผิด หรือความกลัว หรือแม้แต่เพราะเป็นหน้าที่ แต่การรับใช้ของเรามาจากความชื่นชมยินดีและความกตัญญูอย่างลึกซึ้งสำหรับสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำเพื่อเรา เราเป็นหนี้ชีวิตพระองค์ โดยความรอดนี้ อดีตของเราได้รับการยกโทษ ปัจจุบันของเราได้รับความหมาย และอนาคตของเรามั่นคง ด้วยความเข้าใจถึงผลประโยชน์อันเหลือเชื่อเหล่านี้ เปาโลจึงสรุปว่า "จงคิดถึงความรักเมตตาที่พระเจ้าทรงมีต่อเราอย่างมากมาย… ให้ท่านถวายตัวแด่พระองค์ เป็นเหมือนเครื่องบูชาที่มีชีวิตอยู่รับใช้การงานของพระองค์ และทำให้พระองค์พอพระทัย" (โรม 12:1 ประชานิยม)

อัตรทูตยอห์นสอนว่า การที่เรารับใช้คนอื่นด้วยความรักคือสิ่งที่แสดงว่า เราได้รับความรอดอย่างแท้จริง ท่านกล่าวว่า "ความรักที่เรามีต่อกันและกันคือสิ่งที่พิสูจน์ว่า เราได้ผ่านพ้นความตายไปสู่ชีวิตแล้ว" (1 ยอห์น 3:14 CEV) ถ้าผมไม่มีความรักให้คนอื่น ไม่ปราถนาที่จะรับใช้คนอื่น และสนใจแต่ความต้องการของตนเอง ผมก็ควรจะสงสัยว่าพระคริสต์สถิตอยู่ในชีวิตของผมจริงหรือเปล่า เพราะหัวใจที่ได้รับความรอดแล้วคือ หัวใจที่ต้องการจะรับใช้

คำว่าพันธกิจคืออีกคำหนึ่งสำหรับการรับใช้พระเจ้า ซึ่งเป็นคำที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดเมื่อได้ยินคำว่า "พันธกิจ" พวกเขาจะคิดถึงศิลยาภิบาล บาทหลวง และผู้รับใช้เต็มเวลา แต่พระเจ้าตรัสว่าสมาชิกทุกคนในครอบครัวของพระองค์เป็นผู้รับใช้ ในพระคัมภีร์ คำว่าคนใช้และผู้รับใช้นั้นเหมือนกัน เช่นเดียวกับคำว่าการรับใช้และพันธกิจ ถ้าคุณเป็นคริสเตียนคุณก็เป็นผู้รับใช้ และเมื่อคุณรับใช้คุณก็กำลังทำพันธกิจ

เมื่อแม่ยายของเปโตรที่ป่วยได้รับการรักษาจากพระเยซู นาง "ลุกขึ้นปรนนิบัติพระองค์" ทันที (มัทธิว 8:15) โดยใช้สุภาพดีซึ่งเป็นของประทานที่ได้รับมาใหม่ ๆ นี่คือสิ่งที่เราต้องทำ เราได้รับการรักษาให้หายเพื่อช่วยเหลือคนอื่น เราได้รับการอวยพรเพื่อเราจะเป็นพระพร เราได้รับความรอดเพื่อจะรับใช้ ไม่ใช่เพื่ออยู่เฉย ๆ และคอยท่าไปสวรรค์

คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมพระเจ้าไม่นำเราไปสวรรค์ทันทีที่เรารับพระคุณของพระองค์ ทำไมพระองค์จึงปล่อยเราไว้ในโลกที่ผิดบาปนี้ พระองค์ทรงปล่อยเราไว้ที่นี่ก็เพื่อทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ เมื่อคุณได้รับความรอดแล้ว พระเจ้าทรงประสงค์ที่จะใช้คุณเพื่อเป้าหมายของพระองค์ พระเจ้ามีพันธกิจให้คุณทำในคริสตจักรของพระองค์และมีภารกิจให้คุณทำในโลกนี้

คุณได้รับการทรงเรียกให้รับใช้พระเจ้า ขณะที่เติบโตขึ้น คุณอาจเคยคิดว่าการทรงเรียกของพระเจ้านั้นมีไว้สำหรับมิชชันนารี ศิษยาภิบาล แม่ชี และคนทำงานคริสตจักร "เต็มเวลา" เท่านั้น แต่พระคัมภีร์กล่าวว่า คริสเตียนทุกคนได้รับการทรงเรียกให้รับใช้ (เอเฟซัส 4:4-14, โรม 1:6-7, และดูโรม 8:28-30, 1 โครินธ์ 1:2, 9, 26, 7:17, ฟีลิปปี 3:14, 1 เปโตร 2:9, 2 เปโตร 1:3) การทรงเรียกคุณเพื่อความรอดนั้นครอบคลุมถึงการทรงเรียกเพื่อจะรับใช้ด้วย มันเป็นการทรงเรียกเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะทำงานหรือมีอาชีพอะไร คุณก็ได้รับการทรงเรียกให้ทำงานรับใช้เต็มเวลาอย่างคริสเตียน "คริสเตียนที่ไม่รับใช้" เป็นคำที่ขัดแย้งกันในตัวเอง

พระคัมภีร์กล่าวว่า "พระองค์ทรงช่วยเราและทรงเรียกเรามาเป็นคนของพระองค์ไม่ใช่เพราะเราทำสิ่งใด ๆ แต่เพราะพระประสงค์ของพระองค์" (2 ทิโมธี 1:9 TEV) เปโตรเพิ่มเติมว่า "ท่านได้รับเลือกไว้เพื่อให้บอกถึงพระลักษณะอันเลิศของพระเจ้า ผู้ทรงเรียกท่าน" (1 เปโตร 2:9 GWT) เมื่อใดก็ตามที่คุณใช้ความสามารถที่พระเจ้าประทานเพื่อช่วยเหลือคนอื่น คุณก็กำลังทำให้การทรงเรียกของคุณสำเร็จ

พระคัมภีร์กล่าวว่า "บัดนี้ ท่านเป็นของพระองค์…เพื่อเราจะเป็นประโยชน์ในการรับใช้พระเจ้า" (โรม 7:4 TEV) คุณใช้เวลาของคุณทำประโยชน์ในการรับใช้พระเจ้ามากแค่ไหน ในบางคริสตจักรที่ประเทศจีน พวกเขาต้อนรับผู้เชื่อใหม่โดยพูดว่า "เดี๋ยวนี้พระเยซูมีตาคู่ใหม่ที่จะทอดพระเนตร หูใหม่ที่จะสดับฟัง มือใหม่เพื่อจะทรงช่วยเหลือและหัวใจใหม่ที่จะทรงรักคนอื่น"

เหตุผลหนึ่งที่คุณจำเป็นต้องผูกพันกับครอบครัวคริสตจักรคือ เพื่อให้การทรงเรียกให้คุณรับใช้พี่น้องผู้เชื่อสำเร็จในทางปฏิบัติ พระคัมภีร์กล่าวว่า "พวกท่านทุกคนรวมกันเป็นพระกายของพระคริสต์ และท่านแต่ละคนเป็นอวัยวะต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับพระกายของพระคริสต์ ลองถามคริสตจักรท้องถิ่นสักแห่งหนึ่งดูสิครับ เราแต่ละคนมีบทบาทและทุกบทบาทสำคัญ ไม่มีการรับใช้ใดที่เล็กน้อยสำหรับพระเจ้า ทุกอย่างสำคัญหมด

เช่นเดียวกัน ไม่มีพันธกิจใดที่ไม่สำคัญในคริสตจักร แม้งานรับใช้บางอย่างอาจเด่นชัด และบางอย่างเป็นงานที่อยู่เบื้องหลัง แต่ทุกอย่างล้วนมีค่า พันธกิจเล็ก ๆ หรือที่อยู่เบื้องหลัง มักจะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ในบ้านผม แสงไฟที่สำคัญที่สุดไม่ใช่โคมไฟระย้าในห้องอาหาร แต่เป็นไฟกลางคืนดวงเล็ก ๆ ที่ช่วยไม่ให้ผมหกล้มเวลาลุกขึ้นในตอนกลางคืน ขนาดกับความสำคัญนั้นไม่เกี่ยวข้องกัน ทุกพันธกิจมีความสำคัญ เนื่องจากเราทุกคนต่างพึ่งกันและกันเพื่อทำหน้าที่ของตน

เกิดอะไรขึ้นเมื่อส่วนหนึ่งในร่างกายคุณไม่ทำหน้าที่ตามปกติ คุณก็จะป่วย อวัยวะที่เหลือในร่างกายก็เจ็บปวดไปหมด ลองนึกดูว่าถ้าตับของคุณเริ่มคิดจะอยู่เพื่อตัวเอง "ฉันเบื่อ ฉันไม่อยากรับใช้ร่างกายนี้อีกแล้ว ฉันต้องการพักหนึ่งปีแล้วให้อวัยวะอื่นเลี้ยงดูอย่างเดียว แล้วก็ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวฉันเอง ให้อวัยวะอื่นทำหน้าที่แทนฉันไป" จากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ร่างกายของคุณจะตาย วันนี้ คริสตจักรท้องถิ่นนับพันแห่งกำลังจะตายเพราะคริสเตียนไม่เต็มใจที่จะรับใช้ พวกเขานั่งเป็นผู้ชมอยู่ข้างสนาม พระกายจึงต้องทนทุกข์

คุณได้รับคำสั่งให้รับใช้พระเจ้า พระเยซูตรัสชัดเจนอย่างยิ่งว่าเราต้องรับใช้ "อย่างที่บุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติแต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา และประทานชีวิตของท่าน…" (มัทธิว 20:28) สำหรับคริสเตียน การรับใช้ไม่ใช่ทางเลือก หรือสิ่งที่เอาไว้ทำเมื่อมีเวลาว่าง แต่การรับใช้เป็นหัวใจของชีวิตคริสเตียน พระเยซูเสด็จมาเพื่อ "รับใช้" และ "ให้" และคำกริยาสองคำนี้ควรจะกำหนดชีวิตของคุณในโลกนี้ด้วย การรับใช้และการให้ผู้อื่นคือ คำสรุปวัตถุประสงค์ประการที่สี่ของพระเจ้าสำหรับชีวิตคุณ แม่ชีเทราซ่าเคยกล่าวว่า "การดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์นั้นคือการทำงานของพระเจ้าด้วยรอยยิ้ม"

พระเยซูทรงสอนว่าความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณนั้นไม่ใช่เป้าหมายในตัวเอง ความเป็นผู้ใหญ่นั้นมีไว้เพื่อการรับใช้ เราเติบโตขึ้นเพื่อเราจะให้บางสิ่งแก่ผู้อื่น การเรียนรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ นั้นยังไม่พอ เราต้องทำตามสิ่งที่เรารู้ และประพฤติสิ่งที่เราบอกว่าเราเชื่อ ความประทับใจที่ไม่มีการแสดงออกทำให้เกิดความหดหู่ และการศึกษาโดยไม่มีการรับใช้นั้นนำไปสู่การหยุดชะงักฝ่ายวิญญาณ ภาพเปรียบเทียบเก่าแก่ระหว่างทะเลกาลิลีกับทะเลตายนั้นยังเป็นความจริง กาลิลีเป็นทะเลสาปที่เต็มไปด้วยชีวิต เพราะมันรับน้ำเข้ามา แล้วก็ระบายน้ำออกไป ตรงกันข้าม ทะเลตายไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ เลย เมื่อไม่มีการระบายน้ำออก ทะเลสาปแห่งนี้จึงเป็นแอ่งน้ำตาย

สิ่งสุดท้ายที่ผู้เชื่อหลายคนต้องการในเวลานี้คือ การไปเข้าชั้นเรียนพระคัมภีร์อีกวิชาหนึ่ง พวกเขารู้มากเกินกว่าที่ได้นำมาปฏิบัติแล้ว สิ่งที่พวกเขาต้องการคือประสบการณ์การรับใช้ ซึ่งเขาจะสามารถออกกำลังฝ่ายวิญญาณ

การรับใช้คือสิ่งที่สวนทางกับความโน้มเอียงตามธรรมชาติของเรา ส่วนใหญ่เราสนใจจะให้คนอื่น "รับใช้ฉัน" มากกว่าสนใจการรับใช้ เราพูดว่า "ฉันกำลังมองหาคริสตจักรที่สนองความต้องการของฉันและเป็นพระพรแก่ฉัน" ไม่ใช่ "ฉันมองหาที่ ๆ ฉันจะรับใช้และเป็นพระพร" เราคาดหวังให้คนอื่นรับใช้เรา ไม่ใช่เรารับใช้คนอื่น แต่เมื่อเราเติบโตในพระคริสต์ ความสนใจในชีวิตของเราควรจะเปลี่ยนไปเป็นการมีชีวิตเพื่อรับใช้มากขึ้น ๆ สาวกที่เป็นผู้ใหญ่ของพระเยซูจะไม่ถามว่า "ใครจะสนองความต้องการของฉัน" แต่จะเริ่มถามว่า "ฉันจะช่วยสนองความต้องการของใครได้บ้าง" คุณเคยถามคำถามนี้ไหมครับ

เตรียมตัวสำหรับนิรันดรกาล

เมื่อชีวิตของคุณบนโลกนี้สิ้นสุดลง คุณจะยืนต่อพระพักตร์พระเจ้า และพระองค์จะทรงประเมินว่า คุณใช้ชีวิตของคุณรับใช้คนอื่นดีแค่ไหน พระคัมภีร์กล่าวว่า "เราทุกคนจะต้องทูลเรื่องราวของตัวเองต่อพระเจ้า" (โรม 14:13) ลองคิดดูสิครับว่านั่นจะเป็นอย่างไรวันหนึ่ง พระเจ้าจะทรงเปรียบเทียบปริมาณเวลาและแรงกายที่เราใช้เพื่อตัวเอง กับที่เราลงทุนเพื่อรับใช้คนอื่น

ในเวลานั้น ข้อแก้ตัวทุกอย่างสำหรับความเห็นแก่ตัวจะฟังไม่ขึ้น "ผมยุ่งเกินไป" หรือ "ผมมีเป้าหมายของตัวเอง" หรือ "ผมมัวแต่สนใจการทำงาน ความสนุกหรืิอเตรียมตัวสำหรับเกษียณอายุ" พระเจ้าจะทรงตอบข้อแก้ตัวทั้งหมดว่า "เสียใจ เป็นคำตอบที่ผิด เราได้สร้างเจ้า ช่วยให้เจ้ารอด เรียกเจ้า และได้สั่งเจ้าให้ดำเนินชีวิตแห่งการรับใช้ มีตรงไหนที่เจ้าไม่เข้าใจ" พระคัมภีร์เตือนผู้ไม่เชื่อว่า "พระองค์จะทรงเทพระพิโรธและพระอาชญาต่อคนเหล่านั้นที่ใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง" (โรม 2:8 2002) แต่สำหรับคริสเตียน นั่นหมายถึงการสูญเสียบำเหน็จนิรันดร์

เรามีชีวิตอย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่อเราช่วยเหลือคนอื่น พระเยซูตรัสว่า "คนที่อยากเอาตัวรอด ก็จะสูญเสียชีวิตแท้ไป ส่วนคนที่ยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อเราและข่าวดีนั้น ก็จะรักษาชีวิตแท้ไว้ได้" (มาระโก 8:35 อ่านเข้าใจง่าย, และดูมัทธิว 10:39, 16:25, ลูกา 9:24, 17:33) ความจริงข้อนี้สำคัญมาก ถึงขนาดต้องกล่าวซ้ำในพระกิตติคุณถึงห้าครั้ง ถ้าคุณไม่รับใช้ คุณก็อยู่เหมือนไม่มีชีวิต เพราะว่าชีวิตมีไว้เพื่อการรับใช้ พระเจ้าต้องการให้คุณเรียนรู้ที่จะรักและรับใช้คนอื่นอย่างไม่เห็นแก่ตัว

การรับใช้และความสำคัญ

ถ้าคุณจะมอบชีวิตของคุณเพื่อบางสิ่ง สิ่งนั้นจะเป็นอะไร อาชีพ กีฬา งานอดิเรก ชื่อเสียง หรือความมั่งคั่ง ในบรรดาสิ่งเหล่านี้ไม่มีสิ่งใดที่มีความสำคัญถาวร การรับใช้คือหนทางสู่สิ่งสำคัญที่แท้จริง เราพบความหมายของชีวิตของเราผ่านการทำพันธกิจ พระคัมภีร์กล่าวว่า "พวกเราแต่ละคนพบความหมายและหน้าที่ของตนในฐานะส่วนหนึ่งในพระกายของพระองค์" (โรม 12:5 Msg) เมื่อเรารับใช้ด้วยกันในครอบครัวของพระเจ้า ชีวิตของเราก็มีความสำคัญมากขึ้น ไม่ใช่น้อยลง… เพราะท่านเป็นส่วนหนึ่งของพระกาย" (1 โครินธ์ 12:14ก, 19 Msg)

พระเจ้าต้องการใช้คุณเพื่อเปลี่ยนแปลงโลก และประสงค์จะทำงานผ่านคุณ สิ่งที่สำคัญไม่ใช่ระยะเวลาที่คุณมีชีวิตอยู่ แต่เป็นปริมาณที่คุณให้ผู้อื่น ไม่ใช่คุณมีชีวิตอยู่นานแค่ไหน แต่เป็นคุณใช้ชีวิตอย่างไร

ถ้าคุณไม่ได้มีส่วนในการรับใช้หรือพันธกิจใด ๆ เลย คุณจะแก้ตัวอย่างไร อับราฮัมอายุมาก ยาโคบไม่มั่นใจ เลอาห์ไม่ใช่ผู้หญิงสวย โยเซฟถูกทำร้าย โมเสสติดอ่าง กิเดโอนยากจน แซมสันขี้เหงา ราหับผิดศีลธรรม ดาวิดล่วงประเวณีและมีปัญหาครอบครัวมากมาย เอลียาห์อยากฆ่าตัวตาย เยเรมีย์หดหู่ใจ โยนาห์ลังเล นาโอมีเป็นแม่ม่าย ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเป็นคนประหลาด เปโตรมีนิสัยหุนหันพลันแล่นและอารมณ์ร้อน มาร์ธาช่างวิตกกังวล หญิงชาวสะมาเรียล้มเหลวในการแต่งงานหลายครั้ง ศักเคียสไม่เป็นที่ชื่นชอบ โธมัสขี้สงสัย สุขภาพของเปาโลไม่ค่อยดี และทิโมธีขี้อาย มีคนมากมายมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมต่าง ๆ กัน แต่พระเจ้าทรงใช้แต่ละคนในงานรับใช้ของพระองค์ พระองค์จะทรงใช้คุณด้วยถ้าคุณจะหยุดแก้ตัว

วันที่ 29 คิดถึงวัตถุประสงค์ของฉัน

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ: การรับใช้ไม่ใช่ทางเลือก

ข้อพระคัมภีร์สำหรับท่องจำ: "เพราะว่าเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ทรงสร้างในพระเยซูคริสต์ เพื่อให้ประกอบการดีซึ่งพระเจ้าได้ทรงดำริไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เรากระทำ เอเฟซัส 2:10

คำถามสำหรับการพิจารณา: อะไรที่หน่วงเหนี่ยวฉันไม่ให้ยอมรับการทรงเรียกของพระเจ้าให้รับใช้พระองค์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น