วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วันที่ 25 เปลี่ยนแปลงโดยปัญหา

เพราะว่าการทุกข์ยากเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเรา ซึ่งเรารับอยู่ประเดี๋ยวเดียวนั้นจะทำให้เรามีศักดิ์ศรีถาวรมากหาที่เปรียบมิได้
2 โครินธ์ 4:17

ไฟแห่งการทนทุกข์ก่อให้เกิดทองคำแห่งความชอบธรรม
มาดาม กูยง

พระเจ้าทรงมีพระประสงค์เบื้องหลังปัญหาทุกอย่าง

พระองค์ทรงใช้สถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อพัฒนาลักษณะนิสัยของเรา ที่จริงแล้วพระองค์ทรงใช้สถานการณ์สร้างเราให้เป็นเหมือนพระเยซู มากยิ่งกว่าใช้การอ่านพระคัมภีร์ของเราเสียด้วยซ้ำ เหตุผลนั้นชัดเจน คุณเผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ วันละยี่สิบสี่ชั่วโมง

พระเยซูได้ทรงเตือนเราว่า ในโลกนี้เราจะประสบปัญหา (ยอห์น 16:33) ไม่มีใครมีภูมิต้านทานความเจ็บปวด หรือได้รับเกราะป้องกันจากความทุกข์ และไม่มีใครแล่นฉิวไปบนเส้นทางชีวิตโดยปราศจากปัญหา ชีวิตคือปัญหาที่ต่อเนื่อง ทุกครั้งที่คุณแก้ปัญหาหนึ่งได้ อีกปัญหาก็คอยจะเข้ามาแทนที่ ไม่ใช่จะเป็นปัญหาใหญ่โตไปเสียทุกครั้ง แต่ทุกปัญหามีความสำคัญในกระบวนการการเติบโตที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้สำหรับคุณ เปโตรยืนยันให้เราแน่ใจว่าปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา ท่านกล่าวว่า "อย่าตกใจหรือประหลาดใจเมื่อท่านต้องผ่านความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสในวันข้างหน้า เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดปกติ ซึ่งจะเกิดขึ้นกับท่าน" (1 เปโตร 4:12 LB)

พระเจ้าทรงใช้ปัญหาเพื่อดึงคุณมาใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้น พระคัมภีร์กล่าวว่า "พระเจ้าทรงอยู่กับคนที่จิตใจฟกช้ำและพระองค์ทรงช่วยกู้ผู้ที่จิตใจปวดร้าว" (สดุดี 34:18 NLT) ประสบการณ์การนมัสการที่ลึกที่สุดและใกล้ชิดที่สุดของคุณมักจะเกิดในวันที่มืดมนที่สุด เมื่อหัวใจคุณชอกช้ำ เมื่อคุณรู้สึกถูกทอดทิ้ง เมื่อคุณหมดหนทาง เมื่อความเจ็บปวดท่วมท้น และคุณหันมาหาพระเจ้าเพียงผู้เดียว ระหว่างความทุกข์ยากนี้เองที่เราเรียนรู้การอธิษฐานที่แท้จริงออกจากใจ และเปิดเผยต่อพระเจ้ามากที่สุด เมื่อเราเจ็บปวดเราจะไม่มีกำลังที่จะอธิษฐานอย่างผิวเผิน

โจนี่ เอริกสัน ทาดาให้ข้อสังเกตว่า "เมื่อชีวิตเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ เราก็ดำเนินไปด้วยความรู้เกี่ยวกับพระเยซู ด้วยการเลียนแบบพระองค์ อ้างคำพูดของพระองค์ และพูดถึงพระองค์ แต่ในทุกข์ยากเท่านั้นที่เรารู้จักพระเยซู" ในความทุกข์ยาก เราจะเรียนรู้หลายสิ่งอย่างเกี่ยวกับพระเจ้า ซึ่งเราไม่สามารถเรียนได้จากวิธีอื่น

พระเจ้าสามารถช่วยให้โยเซฟไม่ต้องเข้าคุกได้ (ปฐมกาล 39:20-22) ช่วยให้ดาเนียลไม่ต้องเข้าไปอยู่ในถ้ำสิงโตได้ (ดาเนียล 6:16-23) ช่วยเยเรมีย์ไม่ให้ถูกโยนลงไปในบ่อโคลน (เยเรมีย์ 38:6) ช่วยเปาโลไม่ให้ต้องเรือแตกสามครั้ง (2 โครินธ์ 11:25) และช่วยชายหนุ่มฮีบรูสามคนจากการถูกโยนเข้าไปในเตาไฟ (ดาเนียล 3:1-26) แต่พระองค์มิได้ทำเช่นนั้นพระองค์ทรงปล่อยให้ปัญหาเหล่านั้นเกิดขึ้น และผลก็คือคนเหล่านี้ทุกคนถูกดึงเข้ามาใกล้พระองค์มากยิ่งขึ้น

ปัญหาต่าง ๆ จะบังคับให้เรามองที่พระเจ้า และพึ่งพาพระองค์แทนที่จะพึ่งตัวเราเองเปาโลเป็นพยานถึงผลประโยชน์ข้อนี้ว่า "ที่จริงเราคาดว่า เราถึงที่ตายแล้ว แต่ที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อมิให้เราไว้ใจในตนเอง แต่ไว้ใจในพระเจ้า ผู้ทรงเป็นผู้เดียวที่สามารถช่วยเราให้รอด" (2 โครินธ์ 1:9 LB) คุณจะไม่มีวันรู้ว่าพระเจ้าเท่านั้นคือ ทุกสิ่งที่คุณต้องการ จนกว่าคุณจะไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากพระเจ้า

ไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุใดก็ตาม ไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้นโดยที่พระเจ้าไม่ได้อนุญาต ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกของพระเจ้านั้น พระบิดาทรงกลั่นกรองแล้ว และพระองค์ประสงค์ที่จะใช้มันเพื่อผลดี แม้ว่าเวลานั้นซาตานและคนอื่นอาจหวังร้าย

เพราะว่าพระเจ้าทรงควบคุมทุกอย่างโดยอำนาจสิทธิ์ขาดของพระองค์ อุบัติเหตุจึงเป็นเพียงเหตุการณ์ที่อยู่ในแผนการอันดีซึ่งพระเจ้าทรงวางไว้สำหรับคุณ เพราะว่าทุกวันในชีวิตคุณถูกบันทึกไว้ในปฏิทินของพระเจ้าตั้งแต่ก่อนคุณเกิด (สดุดี 139:16) ทุกสิ่งที่เกิดกับคุณมีความสำคัญฝ่ายวิญญาณทั้งหมดทุกสิ่ง โรม 8:28-29 อธิบายเหตุผลของเรื่องนี้ "เรารู้ว่าพระเจ้าทรงทำให้ทุกสิ่งร่วมกันทำงานเพื่อผลดีของคนเหล่านั้นที่รักพระเจ้าและได้รับการทรงเรียกตามประสงค์ของพระองค์ เพราะพระเจ้าได้ทรงรู้จักคนของพระองค์ล่วงหน้าแล้ว และพระองค์ได้ทรงเลือกพวกเขาให้เป็นเหมือนพระบุตรของพระองค์" (โรม 8:28-29 NLT)

นี่เป็นพระคัมภีร์ตอนที่ถูกอ้างผิดและเข้าใจผิดมากที่สุดตอนหนึ่ง พระธรรมข้อนี้ไม่ได้บอกว่า "พระเจ้าทรงทำให้ทุกสิ่งเป็นไปอย่างที่ผมต้องการ" แน่นอน นั่นก็ไม่จริงและก็ไม่ได้บอกว่า "พระเจ้าทรงทำให้ทุกสิ่งลงเอยอย่างมีความสุขในโลกนี้" นั่นก็ไม่จริงด้วยโลกนี้มีการจบแบบไม่มีความสุขมากมาย

เราอยู่ในโลกที่ล้มลงในความบาป สวรรค์เท่านั้นที่ทุกสิ่งเป็นไปอย่างที่พระเจ้าประสงค์อย่างสมบูรณ์ นั่นคือเหตุผลที่เราต้องอธิษฐานว่า "ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ในสวรรค์เป็นอย่างไร ก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก" (มัทธิว 6:10) เพื่อจะเข้าใจโรม 8:28-29 อย่างครบถ้วน เราต้องพิจารณาทีละวลี

"เรารู้ว่า" ความหวังของเราในเวลายากลำบาก ไม่ได้ตั้งอยู่บนความคิดแง่บวกความคิดเพ้อฝัน หรือการมองโลกในแง่ดีตามปกติ แต่มันเป็นความแน่นอนที่ตั้งอยู่บนความจริงที่ว่า พระเจ้าทรงควบคุมจักรวาลของเราอย่างสมบูรณ์ และพระองค์ทรงรักเรา

"พระเจ้าทำให้" มีผู้วางแผนที่ยิ่งใหญ่ทรงอยู่เบื้องหลังทุกสิ่ง ชีวิตของคุณไม่ใช่ผลของความบังเอิญ ชะตากรรม หรือโชค มีแผนแม่บท ประวัติศาสตร์คือ เรื่องราวของพระเจ้า พระเจ้าทรงควบคุมเหตุการณ์ เราผิดพลาด แต่พระเจ้าไม่เคยทำผิด พระเจ้าไม่สามารถทำผิด เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า

"ทุกสิ่ง" แผนการของพระเจ้าสำหรับชีวิตคุณครอบคุมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ รวมทั้งความผิดพลาด ความบาป และความเจ็บปวดของคุณ มันยังรวมถึงความเจ็บป่วย หนี้สิน ภัยพิบัติ การหย่าร้าง และความตายของคนที่รัก พระเจ้าสามารถนำสิ่งที่ดีออกจากสิ่งชั่วร้ายที่สุด พระองค์ก็ทรงทำเช่นนั้นที่กลโกธา

"ร่วมกันทำงาน" ไม่ใช่แยกกันหรือต่างฝ่ายต่างทำ เหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตคุณทำงานร่วมกันในแผนการของพระเจ้า สิ่งเหล่านี้ไม่ได้แยกกัน แต่เป็นส่วนประกอบที่พึ่งพากัน ในกระบวนการทำให้คุณเป็นเหมือนพระคริสต์ เวลาอบขนมเค็ก คุณต้องใช้แป้ง เกลือ ไข่สด น้ำตาล และน้ำมัน ถ้ากินแยกกัน แต่ละอย่างก็รสชาติแย่ หรืออาจจะขม แต่เมื่ออบด้วยกัน มันกลายเป็นของอร่อย ถ้าคุณมอบประสบการณ์ที่รสชาติแย่ และไม่มีความสุขทั้งหมดของคุณแด่พระเจ้า พระองค์จะทรงผสมมันเข้าด้วยกันเพื่อผลดี

"เพื่อผลดี" ตรงนี้ไม่ได้บอกว่า ทุกสิ่งในชีวิตดี สิ่งที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ในโลกนี้ชั่วและไม่ดี แต่พระเจ้าทรงชำนาญในการนำสิ่งดีออกมาจากสิ่งเหล่านี้ ในลำดับพงศ์อย่างเป็นทางการของพระเยซู (มัทธิว 1:1-16) มีรายชื่อผู้หญิงสี่คนคือ ทามาร์ ราหับ รูธ และบัทเชบา ทามาร์ล่อลวงพ่อสามีของนางเพื่อจะตั้งครรภ์ ราหับเป็นหญิงโสเภณี รูธไม่เป็นชาวยิวด้วยซ้ำและทำผิดกฏบัญญัติโดยแต่งงานกับชายชาวยิว บัทเชบาล่วงประเวณีกับดาวิด ซึ่งส่งผลให้เกิดการฆาตกรรมสามีของนาง คนเหล่านี้ไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงดีเลิศแน่แต่พระเจ้าทรงให้สิ่งดีเกิดจากสิ่งร้าย และพระเยซูเสด็จมาทางเชื้อสายของพวกเขา พระประสงค์ของพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่กว่าปัญหา ความเจ็บปวด และแม้แต่ความบาปของเรา

"ของคนเหล่านั้นที่รักพระเจ้า และได้รับการทรงเรียก" พระสัญญานี้มีไว้สำหรับลูกของพระเจ้าเท่านั้น ไม่ได้มีไว้สำหรับทุกคน ทุกสิ่งจะก่อให้เกิดผลร้ายแก่คนเหล่านั้นที่ใช้ชีวิตเป็นศัตรูกับพระเจ้า และยืนกรานที่จะทำตามใจตนเอง

"ตามพระประสงค์ของพระองค์" พระประสงค์นั้นคืออะไร ก็คือที่เราจะ "กลายเป็นเหมือนพระบุตรของพระองค์" ทุกสิ่งที่พระเจ้าอนุญาตให้เกิดขึ้นในชีวิตของคุณนั้นก็ได้รับอนุญาตเพื่อวัตถุประสงค์ข้อนี้

สร้างลักษณะนิสัยที่เหมือนพระคริสต์

พวกเราเป็นเหมือนเพชรพลอย ซึ่งถูกกะเทาะด้วยค้อนและสิ่วแห่งความทุกข์ยากถ้าค้อนเล็ก ๆ ของช่างเจียรไนไม่แข็งพอที่จะเคาะมุมแหลมของเราออกไป พระเจ้าก็จะใช้ค้อนใหญ่ และถ้าเราดื้อรั้นจริง ๆ พระองค์จะทรงใช้ค้อนปอนด์ พระองค์จะทรงใช้ทุกสิ่งที่จำเป็น

ปัญหาทุกอย่างเป็นโอกาสที่จะสร้างลักษณะนิสัย และยิ่งมันยากเพียงไร มันก็ยิ่งมีศักยภาพในการสร้างกำลังฝ่ายวิญญาณ และพลังทางศีลธรรม เปาโลกล่าวว่า "เรารู้ว่าปัญหาเหล่านี้ทำให้เกิดความอดทน และความอดทนก่อให้เกิดลักษณะนิสัย" (โรม 5:3-4 NCV) สิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกนั้นไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในคุณ สถานการณ์ต่าง ๆ ที่คุณเผชิญนั้นจะอยู่ชั่วคราว แต่ลักษณะนิสัยของคุณจะคงอยู่ตลอดไป

พระคัมภีร์มักจะเปรียบเทียบความทุกข์ยากกับไฟถลุงของช่างโลหะ ซึ่งเผาไหม้สิ่งไม่บริสุทธิ์ออกไป เปโตรกล่าวว่า "จุดประสงค์ของความทุกข์ยากเหล่านี้ก็คือจะพิสูจน์ดูว่าท่านมีศรัทธาจริงใจเพียงใด แม้แต่ทองซึ่งจะถูกทำลายได้ก็ยังต้องใช้ไฟลอง ความศรัทธาของท่านประเสริฐกว่าทองคำมากนัก" (1 เปโตร 1:7ก ประชานิยม) มีคนถามช่างเงินคนหนึ่งว่า "คุณรู้ได้อย่างไรว่าเงินบริสุทธิ์" เขาตอบว่า "เมื่อผมเห็นเงาสะท้อนจากเงินนั้น" เมื่อคุณถูกหลอมให้บริสุทธิ์ด้วยความทุกข์ยาก คนอื่นก็จะสามารถเห็นภาพสะท้อนของพระเยซูในคุณ ยากอบกล่าวว่า "ภายใต้ความกดดัน ชีวิตแห่งความเชื่อของคุณจะถูกบังคับให้เปิดออก และแสดงเนื้อแท้ของมัน" (ยากอบ 1:3 Msg)

เนื่องจากพระเจ้าประสงค์ที่จะทำให้คุณเป็นเหมือนพระเยซู พระองค์จึงทรงนำคุณผ่านประสบการณ์เดียวกันกับที่พระเยซูทรงเผชิญ นั่นรวมถึงความโดดเดี่ยว การทดลอง ความเครียด คำตำหนิ การถูกปฏิเสธ และปัญหาอื่น ๆ อีกหลายอย่าง พระคัมภีร์กล่าวว่า พระเยซู "ทรงเรียนรู้ที่จะนอบน้อมยอมเชื่อฟัง โดยความทุกข์ลำบากที่พระองค์ได้ทรงทน" และ "พระเจ้าทรงทำให้พระเยซูเพียบพร้อมทุกประการ" ผ่านทางการทนทุกข์เหล่านั้น (ฮีบรู 5:8-9) ในเมื่อพระเจ้าอนุญาตให้พระบุตรของพระองค์เผชิญสิ่งเหล่านี้แล้ว ทำไมพระองค์จะต้องให้ยกเว้นที่เราจะไม่ต้องเผชิญ เปาโลกล่าวว่า "เราผ่านสิ่งเดียวกันกับที่พระคริสต์ได้ทรงผ่าน ถ้าเราผ่านช่วงเวลาลำบากร่วมกับพระองค์ เราก็จะผ่านช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกับพระองค์ด้วยอย่างแน่นอน" (โรม 8:17 Msg)

ตอบสนองต่อปัญหาอย่างที่พระเยซูจะทรงกระทำ

ปัญหาไม่ได้ก่อให้เกิดสิ่งที่พระเจ้าประสงค์โดยอัตโนมัติ แทนที่จะดีขึ้น หลายคนกลับรู้สึกขมขื่นและไม่เติบโต คุณจำเป็นต้องตอบสนองแบบที่พระเยซูจะทรงตอบสนอง

จำไว้ว่าแผนการของพระเจ้านั้นดี พระเจ้าทรงทราบสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ และต้องการให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุด พระเจ้าตรัสบอกเยเรมีย์ว่า "แผนการซึ่งเรามีไว้สำหรับเจ้า เป็นแผนการเพื่อทำให้เจริญ ไม่ใช่ทำร้ายเจ้า แผนการที่จะให้ความหวังและอนาคตแก่เจ้า" (เยเรมีย์ 29:11 NIV) โยเซฟเข้าใจความจริงนี้เมื่อท่านบอกพวกพี่ชายของท่าน ซึ่งเคยขายท่านให้เป็นทาสว่า "พวกท่านคิดร้ายต่อเราก็จริงแต่ฝ่ายพระเจ้าดำริให้เกิดผลดี" (ปฐมกาล 50:20) เฮเซคียาห์สะท้อนความรู้สึกเดียวกัน เกี่ยวกับอาการป่วยที่คุกคามชีวิตของท่านว่า "ที่ข้าพระองค์ลำบากถึงเพียงนี้ก็เพื่อประโยชน์ของข้าพระองค์เอง" (อิสยาห์ 38:17 CEV) เมื่อไรก็ตามที่พระเจ้าทรงปฏิเสธคำทูลขอให้บรรเทาปัญหาของคุณ ก็ขอให้จำไว้ว่า "พระเจ้าทรงทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา เพื่อฝึกเราให้ดำเนินชีวิตอย่างดีที่สุดตามความบริสุทธิ์ของพระเจ้า" (ฮีบรู 12:10ข Msg)

เป็นสิ่งสำคัญที่คุณยังคงจดจ่อที่แผนการของพระเจ้า ไม่ใช่ความเจ็บปวดหรือปัญหาของคุณนั้น เพราะนั่นคือวิธีที่พระเยซูทรงทนต่อความเจ็บปวดบนไม้กางเขน และเราได้รับการวิงวอนให้ทำตามอย่างพระองค์ "จงจับตามองดูที่พระเยซูผู้ทรงเป็นผู้นำและสั่งสอนของเรา พระองค์ทรงเต็มพระทัยที่จะสิ้นพระชนม์อย่างน่าอายบนไม้กางเขน เพราะพระองค์ทรงทราบว่าพระองค์จะชื่นชมยินดีในภายหลัง" (ฮีบรู 12:2 LB) คอรี่ เทน บูม ผู้เคยทนทุกข์ในค่ายกักกันมรณะของนาซีอธิบายฤทธิ์เดชของการจดจ่อว่า "ถ้าคุณมองดูโลกคุณจะเศร้าหมอง ถ้าคุณมองภายใน คุณจะหดหู่ แต่ถ้าคุณมองพระคริสต์ คุณจะรู้สึกสงบ" การจดจ่อของคุณจะกำหนดความรู้สึกของคุณ เคล็บลับของความอดทนคือ การระลึกว่าความเจ็บปวดของคุณนั้นชั่วคราว แต่บำเหน็จของคุณจะเป็นนิรันดร์ โมเสสอดทนต่อชีวิตที่เต็มด้วยปัญหา "เพราะท่านรอคอยบำเหน็จภายภาคหน้าของท่าน" (ฮีบรู 11:26 NIV) เปาโลอดทนต่อความยากลำบากในลักษณะเดียวกัน ท่านกล่าวว่า "การทุกข์ยากเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเราซึ่งเรารับอยู่ประเดี๋ยวเดียวนั้นจะทำให้เรามีศักดิ์ศรีถาวรมาก หาที่เปรียบมิได้" (2 โครินธ์ 4:17)

อย่ายอมแพ้ต่อการคิดสั้น ๆ แต่จงมุ่งความสนใจที่ผลบั้นปลายต่อไป "ถ้าเรามีส่วนในความทุกข์ทรมานของพระเยซูคริสต์ เราก็จะมีส่วนในพระสิริของพระองค์ด้วย… ความทุกข์ยากที่เราได้รับเวลานี้เทียบไม่ได้เลยกับพระสิริพระเจ้าจะสำแดงในภายหน้า (โรม 8:17-18)

ชื่นชมยินดีและขอบพระคุณ พระคัมภีร์บอกให้เรา "ขอบพระคุณในทุกกรณีเพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าซึ่งปรากฏอยู่ในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย" (1 เธสะโลนิกา 5:18) เราจะทำสิ่งนี้ได้อย่างไร สังเกตว่า พระเจ้าทรงบอกเราให้ขอบพระคุณ "ในทุกกรณี" ไม่ใช่ "สำหรับทุกกรณี" พระเจ้ามิได้คาดหวังว่า คุณจะขอบพระคุณสำหรับความชั่ว สำหรับบาป สำหรับความทุกข์ยาก หรือสำหรับผลสืบเนื่องที่เจ็บปวดในโลกนี้ แต่พระเจ้าต้องการให้คุณขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์จะทรงใช้ปัญหาของคุณทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ

พระคัมภีร์กล่าวว่า "จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา" (ฟีลิปปี 4:4) แต่ไม่ได้กล่าวว่า จงชื่นชมยินดีเพราะความเจ็บปวดของคุณ" แบบนั้นเป็นพวกมาโซคิสต์ (อาการทางจิตที่มีความสุขเมื่อถูกทำร้าย) คุณชื่นชมยินดี "ในองค์พระผู้เป็นเจ้า" ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณสามารถชื่นชมยินดีในความรัก ความห่วงใย สติปัญญา ฤทธิ์เดช และความสัตย์ซื่อของพระเจ้า พระเยซูตรัสว่า "ในวันนั้นท่านทั้งหลายจงชื่นชม และเต้นโลดด้วยความยินดี เพราะดูเถิดบำเหน็จของท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์ (ลูกา 6:23)

เรายังสามารถชื่นชมยินดีเพราะรู้ว่าพระเจ้าทรงเผชิญความเจ็บปวดนี้ร่วมกับเรา เราไม่ได้รับใช้พระเจ้าที่อยู่ห่างไกลและเพิกเฉย และได้แต่ยืนปลอดภัยอยู่ข้างสนาม คอยตะโกนให้กำลังใจ ตรงกันข้าม พระองค์ทรงเข้าร่วมในการทนทุกข์ของเรา พระเยซูทรงทำเช่นนี้โดยการเสด็จมาเป็นมนุษย์ และเวลานี้พระวิญญาณของพระองค์ก็ทรงทำสิ่งนี้ภายในเรา พระเจ้าจะไม่ละทิ้งเราไว้ตามลำพัง

จงอย่ายอมแพ้ จงอดทนและบากบั่น พระคัมภีร์กล่าวว่า "จงให้กระบวนการนี้ดำเนินต่อไป จนกว่าความอดทนของท่านจะพัฒนาอย่างเต็มที่ และท่านจะพบว่าท่านได้กลายเป็นคนที่มีลักษณะนิสัยที่โตเป็นผู้ใหญ่…ไม่มีจุดอ่อนเลย" (ยากอบ 1:3-4 Ph)

การสร้างลักษณะนิสัยเป็นกระบวนการที่ช้า เมื่อไรก็ตามที่เราพยายามเลี่ยงหรือหนีความยากลำบากในชีวิต ก็เท่ากับว่าเราลัดวงจรของกระบวนการนี้ และถ่วงเวลาการเติบโตซึ่งจริง ๆ แล้วจะนำไปสู่ความเจ็บปวดที่เลวร้ายกว่าในที่สุดคือ ความเจ็บปวดที่ไม่คุ้มค่าซึ่งมาควบคู่กับการปฏิเสธและการหลีกเลี่ยง เมื่อคุณเข้าใจผลสืบเนื่องนิรันดร์ของการสร้างลักษณะนิสัย คุณจะอธิษฐานว่า "ขอทรงปลอบใจข้าพระองค์" (โปรดช่วยข้าพระองค์ให้รู้สึกดี) น้อยลง และอธิษฐานว่า "ขอทรงเปลี่ยนข้าพระองค์" (โปรดใช้สิ่งนี้เพื่อทำให้ข้าพระองค์เหมือนพระองค์) มากขึ้น

คุณรู้ว่าตนเองกำลังเป็นผู้ใหญ่ เมื่อคุณเริ่มเห็นพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่ในสถานการณ์ชีวิตที่เป็นความบังเอิญ ยุ่งเหยิง และดูเหมือนไร้เหตุผล

ถ้าเวลานี้คุณกำลังพบกันปัญหา อย่าถามว่า "ทำไมต้องเป็นข้าพระองค์" แต่ให้ถามว่า "พระองค์ต้องการให้ข้าพระองค์เรียนรู้อะไร" แล้วจงวางใจพระเจ้า และทำสิ่งที่ถูกต้องต่อไป "ท่านจำเป็นต้องอดทนอยู่ในแผนการของพระเจ้า เพื่อท่านจะได้รับสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญาไว้" (ฮีบรู 10:36 Msg) อย่ายอมแพ้ แต่จงเติบโต

วันที่ 25 คิดถึงวัตถุประสงค์ของฉัน

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ: มีพระประสงค์อยู่เบื้องหลังปัญหาทุกอย่าง

ข้อพระคัมภีร์สำหรับท่องจำ: "เรารู้ว่าพระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง คือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์" โรม 8:28

คำถามสำหรับการพิจารณา: ปัญหาอะไรในชีวิตฉันที่ได้ทำให้ฉันเติบโตมากที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น