วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วันที่ 23 เราเติบโตอย่างไร

พระเจ้าประสงค์ให้เราเติบโต … เป็นเหมือนพระคริสต์ในทุกด้าน
เอเฟซัส 4:15ก (Msg)

แล้วเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป
เอเฟซัส 4:14ก (ประชานิยม)

พระเจ้าต้องการให้คุณเติบโต

เป้าหมายที่พระบิดาในสวรรค์มีไว้สำหรับคุณคือ เติบโตและพัฒนาลักษณะนิสัยของพระเยซูคริสต์ แต่น่าเศร้าที่คริสเตียนนับล้านอายุมากขึ้นแต่ไม่ได้โตขึ้น พวกเขาติดหล่มอยู่ในสภาพทารกฝ่ายวิญญาณตลอดไป โดยยังคงใส่ผ้าอ้อมและถุงเท้าทารก สาเหตุก็คือพวกเขาไม่เคยตั้งใจที่จะเติบโต

การเติบโตฝ่ายวิญญาณไม่ได้เกิดขึ้นเอง มันต้องมีความตั้งใจที่จะอุทิศตัว คุณต้องอยากเติบโต ตัดสินใจที่จะเติบโต และเพียรพยายามที่จะเติบโต การเป็นสาวกหรือกระบวนการแห่งการเป็นเหมือนพระคริสต์นั้น เริ่มต้นด้วยการตัดสินใจพระเยซูทรงเรียกเรา และเราตอบสนอง "พระองค์จึงตรัสเรียกเขาว่า ตามเรามาเถิด มัทธิวก็ลุกขึ้นตามพระเยซูไป" (มัทธิว 9:9 ประชานิยม)

เมื่อสาวกพวกแรกตัดสินใจติดตามพระเยซู พวกเขาไม่ได้เข้าใจทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจนั้น พวกเขาเพียงแต่ตอบสนองต่อคำเชื้อเชิญของพระเยซู ซึ่งนั่นคือ ทั้งหมดที่คุณจำเป็นต้องทำเพื่อจะเริ่มต้น นั่นคือ ตัดสินใจที่จะเป็นสาวก

ไม่มีสิ่งใดสามารถหล่อหลอมชีวิตคุณได้มากเท่ากับการที่คุณตัดสินใจอุทิศชีวิตเพื่อบางสิ่งบางอย่าง การอุทิศตัวสามารถพัฒนาหรือทำลายตัวคุณก็ได้ แต่มันจะเป็นตัวกำหนดชีวิตคุณ ถ้าคุณบอกผมว่าคุณกำลังอุทิศทุ่มเทเพื่อสิ่งใด ผมก็จะสามารถบอกคุณได้ว่า คุณจะเป็นอย่างไรในอีกยี่สิบปีข้างหน้า เพราะเราจะเปลี่ยนแปลงเป็นเหมือนสิ่งที่เราอุทิศตัวให้

เรื่องการอุทิศตัวนี้เองที่คนส่วนใหญ่พลาดพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับชีวิตหลายคนกลัวการอุทิศตัวเพื่อบางสิ่งบางอย่าง จึงใช้ชีวิตปล่อยปละไปเรื่อย ๆ บางคนก็อุทิศตัวแบบสองฝักสองฝ่ายให้แก่ค่านิยมที่ขัดแย้งกันเอง ซึ่งจะนำไปสู่ความผิดหวัง และการมีชีวิตแบบเหยียบเรือสองแคม บางคนอุทิศทั้งชีวิตให้เป้าหมายฝ่ายโลก เช่น การเป็นเศรษฐี หรือการมีชื่อเสียง และลงเอยด้วยความผิดหวังและขมขื่น การตัดสินใจเลือกทุกครั้งล้วนมีผลสืบเนื่องนิรันดร์ ดังนั้นคุณควรจะเลือกอย่างฉลาด เปโตรได้เตือนว่า "ก็เมื่อทุกสิ่งจะถูกทำลายล้างไปเช่นนี้ ท่านควรจะเป็นคนเช่นใดเล่า ท่านควรจะดำเนินชีวิตให้ดีและอุทิศชีวิตแด่พระเจ้า (2 เปโตร 3:11 ประชานิยม)

งานของพระเจ้าและงานของคุณ การเป็นเหมือนพระคริสต์คือ ผลของการตัดสินใจเลือกเหมือนพระคริสต์ และพึ่งพาพระวิญญาณของพระองค์ที่จะช่วยให้คุณทำตามการตัดสินใจนั้นได้สำเร็จ เมื่อคุณตัดสินใจที่จะจริงจังกับการเป็นเหมือนพระคริสต์ คุณก็ต้องเริ่มต้นประพฤติแตกต่างจากเดิม คุณจำเป็นต้องทิ้งกิจวัตรเดิม ๆ บางอย่าง ฝึกอุปนิสัยใหม่บางอย่าง และตั้งใจเปลี่ยนวิธีคิด คุณสามารถมั่นใจได้ว่าพระวิญญาณจะทรงช่วยคุณในการเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ พระคัมภีร์กล่าวว่า "จงประพฤติจนบรรลุถึงความรอดของท่านทั้งหลายด้วยความกลัวและตัวสั่น… เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงทำการอยู่ภายในพวกท่านให้ท่านมีความประสงค์และมีความสามารถทำตามชอบพระทัยของพระองค์" (ฟีลิปปี 2:12-13 2002)

พระคัมภีร์ข้อนี้แสดงให้เห็นสองส่วนของการเติบโตฝ่ายวิญญาณคือ "ประพฤติ" และ "ทำการอยู่ภายใน" "ประพฤติ" คือความรับผิดชอบของคุณ และ "ทำการภายใน" เป็นบทบาทของพระเจ้า การเติบโตฝ่ายวิญญาณนั้นเป็นความพยายามร่วมกันของคุณกับพระวิญญาณของพระเจ้าทรงทำงานร่วมกับเรา ไม่ใช่เพียงแต่ทำงานในเรา

พระวจนะที่เขียนถึงผู้เชื่อข้อนี้ไม่เกี่ยวกับวิธีที่จะรับความรอดแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องวิธีที่จะเติบโต ข้อนี้ไม่ได้กล่าวว่า "ประพฤติเพื่อ" จะได้รับความรอด เพราะคุณไม่สามารถเพิ่มเติมสิ่งใดเข้าไปในสิ่งที่พระเยซูได้ทรงกระทำแล้ว คำภาษาอังกฤษที่แปลว่าประพฤติในข้อนี้ เป็นคำเดียวกับที่ใช้พูดถึงการออกกำลังกาย เวลาคุณออกกำลังคุณทำเพื่อพัฒนาร่างกาย ไม่ใช่เพื่อจะได้รับร่างกาย

คำเดียวกันนี้ในภาษาอังกฤษยังใช้พูดถึงการต่อภาพจิ๊กซอว์และการทำนา เวลาคุณต่อจิ๊กซอว์ คุณก็มีชิ้นส่วนทุกชิ้นอยู่แล้ว งานของคุณคือเอามันมาประกอบเข้าด้วยกัน ชาวนา "ทำ" นา ไม่ใช่เพื่อจะได้ผืนนา แต่เพื่อพัฒนาผืนนาที่พวกเขามีอยู่แล้ว พระเจ้าได้ประทานชีวิตใหม่แก่คุณแล้ว เวลานี้คุณต้องรับผิดชอบที่จะพัฒนาชีวิตนั้น "ด้วยความกลัวและตัวสั่น" นั่นหมายความว่า คุณต้องจริงจังกับการเติบโตฝ่ายวิญญาณ เมื่อใครก็ตามเฉยเมยต่อการเติบโตฝ่ายวิญญาณ นั่นก็แสดงว่าเขาไม่เข้าใจถึงผลที่จะตามมาในนิรันดรกาล (ตามที่เราเห็นในบทที่ 4 และ 5)

เปลี่ยนคันบังคับอัตโนมัติ ถ้าจะเปลี่ยนแปลงชีวิต คุณก็ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีคิดเบื้องหลังของทุกสิ่งที่คุณทำคือความคิด ทุกพฤติกรรมมีแรงจูงใจมาจากความเชื่อ และทุกการกระทำล้วนถูกกระตุ้นโดยทัศนคติ พระเจ้าทรงเปิดเผยสิ่งนี้มานานนับพันปีก่อนที่นักจิตวิทยาจะเข้าใจเรื่องนี้ "จงระวังว่าท่านคิดอย่างไร เพราะชีวิตถูกหล่อหลอมโดยความคิด" (สุภาษิต 4:23 TEV)

ลองนึกภาพการนั่งเรือเร็วบนทะเลสาปโดยคันบังคับอัตโนมัติตั้งให้มุ่งไปทางทิศตะวันออก ถ้าคุณตัดสินใจวกกลับและมุ่งไปทางตะวันตก คุณก็มีสองวิธีที่จะเปลี่ยนทิศทางของเรือ วิธีแรกคือจับพวงมาลัยให้แน่น และบังคับมันด้วยแรงกายให้มุ่งไปยังทิศตรงข้ามกับที่มันถูกตั้งไว้ คุณสามารถเอาชนะคันบังคับอัตโนมัติได้ด้วยความตั้งใจ แต่คุณก็จะรู้สึกถึงแรงต้านตลอดเวลา แขนของคุณจะล้าในที่สุด คุณจะปล่อยพวงมาลัย แล้วเรือก็จะมุ่งไปทางตะวันออกทันทีคือ ไปตามทางที่มันถูกกำหนดไว้ภายใน

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณพยายามเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณด้วยความตั้งใจ คุณพูดว่า "ผมจะบังคับตัวเองให้กินน้อยลง…ออกกำลังมากขึ้น… หยุดทำตัวไม่มีระเบียบและมาสาย" ใช่ครับ ความตั้งใจสามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงระยะสั้นได้ แต่มันจะสร้างแรงต้านตลอดเวลา เพราะว่าคุณไม่ได้จัดการกับรากเหง้าของปัญหา การเปลี่ยนแปลงนั้นจึงรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ ดังนั้นในที่สุดคุณจะเลิกทำ เลิกควบคุมอาหาร และหยุดออกกำลังกาย คุณจะหวนกลับไปสู่วิถีเดิม ๆ ของคุณอย่างรวดเร็ว

แต่ยังมีวิธีที่ดีกว่าและง่ายกว่า นั่นคือการเปลี่ยนคันบังคับอัตโนมัติ ซึ่งก็คือการเปลี่ยนวิธีคิดของคุณ พระคัมภีร์กล่าวว่า "จงให้พระเจ้ากระทำให้ท่านเป็นคนใหม่ ให้พระองค์เปลี่ยนแปลงจิตใจท่านอย่างสิ้นเชิง" (โรม 12:2ข ประชานิยม) ก้าวแรกของคุณในการเติบโตฝ่ายวิญญาณคือ การเริ่มต้นเปลี่ยนวิธีคิด การเปลี่ยนแปลงล้วนเริ่มต้นที่ความคิดของคุณก่อนเสมอ วิธีคิดของคุณจะกำหนดวิธีที่คุณรู้สึก และวิธีที่คุณรู้สึกจะมีอิทธิพลต่อวิธีที่คุณประพฤติ เปาโลกล่าวว่า "ท่านจะต้องให้พระเจ้าประทานความคิดจิตใจให้ใหม่หมด" (เอเฟซัส 4:23 ประชานิยม)

ถ้าจะเป็นเหมือนพระคริสต์ คุณก็ต้องพัฒนาจิตใจที่เหมือนกับพระคริสต์ พระคัมภีร์ใหม่เรียกการเปลี่ยนทางความคิดแบบนี้ว่าการกลับใจใหม่ ซึ่งในภาษากรีกมีความหมายตามตัวอักษรว่า "การเปลี่ยนความคิด" คุณกลับใจใหม่เมื่อคุณเปลี่ยนวิธีคิด โดยรับเอาวิธีคิดแบบพระเจ้า ทั้งที่เกี่ยวกับตัวคุณเอง เกี่ยวกับความบาป เกี่ยวกับพระเจ้า คนอื่น ชีวิต อนาคตของคุณ และทุก ๆ สิ่ง คุณรับเอาทัศนะและมุมมองของพระคริสต์

เราได้รับคำสั่งให้ "คิดแบบเดียวกับพระเยซูคริสต์ทรงคิด" (ฟีลิปปี 2:5 อ่านเข้าใจง่าย) ซึ่งการทำเช่นนี้มีอยู่สองส่วน ส่วนแรกของการเปลี่ยนแปลงทางความคิดนี้คือ การเลิกคิดแบบไม่เป็นผู้ใหญ่ คือความคิดที่เห็นแก่ตัวและหาประโยชน์ใส่ตัว พระคัมภีร์กล่าวว่า "เลิกคิดแบบเด็ก ๆ เสียเถิด ในเรื่องความชั่วจงเป็นทารก แต่ในด้านความคิดจงเป็นผู้ใหญ่" (1 โครินธ์ 14:20 อมตธรรมร่วมสมัย) โดยธรรมชาติแล้ว ทารกมีความเห็นแก่ตัวทุกอย่าง พวกเขาคิดถึงแต่ตัวเองและความต้องการของตัวเอง และไม่สามารถให้อะไรใครทำได้แต่รับอย่างเดียว นั่นคือความคิดที่ไม่เป็นผู้ใหญ่ น่าเสียดายที่หลายคนไม่เคยเติบโตเกินความคิดเช่นนั้น พระคัมภีร์กล่าวว่า ความคิดที่เห็นแก่ตัวคือที่มาของพฤติกรรมที่เป็นบาป "คนเหล่านั้นที่ดำเนินชีวิตตามตัวตนที่บาปหนา ก็คิดถึงแต่สิ่งที่ตัวตนบาปหนาของเขาต้องการ" (โรม 8:5 CEV)

ส่วนที่สองของการคิดอย่างพระเยซูคือการเริ่มต้นคิดอย่างผู้ใหญ่ ซึ่งจดจ่อที่คนอื่นไม่ใช่ตัวเอง ในพระคัมภีร์บทที่เปาโลพูดถึงความรักไว้อย่างยิ่งใหญ่ ท่านได้สรุปว่าการคิดถึงคนอื่นเป็นเครื่องหมายของความเป็นผู้ใหญ่ "เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าพูดอย่างเด็ก คิดอย่างเด็ก ใช้เหตุผลอย่างเด็ก ครั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็ทิ้งวิถีทางอย่างเด็กไว้เบื้องหลัง" (1 โครินธ์ 13:11 อมตธรรมร่วมสมัย)

ทุกวันนี้ หลายคนคิดว่าความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณนั้นวัดจากปริมาณความรู้พระคัมภีร์และหลักข้อเชื่อที่คุณรู้ ความรู้เป็นมาตรวัดอย่างหนึ่งของความเป็นผู้ใหญ่ก็จริง แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด ชีวิตคริสเตียนไม่ได้มีแค่หลักข้อเชื่อและความเชื่อมั่น แต่มันรวมถึงความประพฤติและลักษณะนิสัย การกระทำของเราต้องสอดคล้องกับหลักข้อเชื่อของเรา และความเชื่อของเราต้องมีความประพฤติที่เหมือนพระคริสต์หนุนหลัง

ความเชื่อคริสเตียนไม่ใช่ศาสนาหรือปรัชญา แต่เป็นความสัมพันธ์และวิถีชีวิต และแก่นของวิถีชีวิตนั้นคือการคิดถึงคนอื่นเหมือนอย่างที่พระเยซูคิด แทนที่จะคิดถึงตนเอง พระคัมภีร์กล่าวว่า "เราควรคิดถึงผลประโยชน์ของพวกเขา และพยายามช่วยเขาโดยทำสิ่งที่พวกเขาพอใจ แม้แต่พระคริสต์ก็มิได้พยายามทำให้พระองค์เองพอพระทัย" (โรม 15:2-3ก CEV)

การคิดถึงคนอื่นคือ หัวใจของการเป็นเหมือนพระคริสต์ และเป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดของการเติบโตฝ่ายวิญญาณ การคิดเช่นนี้เป็นสิ่งที่ผืนธรรมชาติ ทวนกระแส หายากและทำยาก ยังดีที่เรามีความช่วยเหลือคือ "พระเจ้าได้ประทานพระวิญญาณของพระองค์แก่เรา นี่คือสาเหตุที่เราคิดไม่เหมือนคนในโลกนี้" (1 โครินธ์ 2:12ก CEV) ในบทต่อ ๆ ไปเราจะดูอุปกรณ์ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงใช้เพื่อช่วยให้เราเติบโต

วันที่ 23 คิดถึงวัตถุประสงค์ของฉัน

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ: การเริ่มต้นเติบโตนั้นไม่มีคำว่าสายเกินไป

ข้อพระคัมภีร์สำหรับท่องจำ: "จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม" โรม 12:2ข (2002)

คำถามสำหรับการพิจารณา: มีเรื่องใดที่ฉันจำเป็นต้องหยุดคิดตามแบบของตัวเองและเริ่มต้นคิดเหมือนพระเจ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น