วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วันที่ 22 ถูกสร้างให้เป็นเหมือนพระคริสต์

วัตถุประสงค์ที่ 3
คุณถูกสร้างให้เป็นเหมือนพระคริสต์

จงหยั่งรากลึกให้พระคริสต์ และรับอาหารจากพระองค์ จงใส่ใจที่จะเติบโตยิ่งขึ้นไปในองค์พระผู้เป็นเจ้า ทั้งเข้มแข็งและมีกำลังมากในความจริง
โคโลสี 2:7 (LB)

วันที่ 22
ถูกสร้างให้เป็นเหมือนพระคริสต์

พระเจ้าทรงทราบสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำตั้งแต่เริ่มต้น พระองค์ทรงตัดสินพระทัยตั้งแต่แรกที่จะปั้นชีวิตของบรรดาคนที่รักพระองค์ ตามลักษณะเดียวกันกับชีวิตพระบุตรของพระองค์… เราเห็นลักษณะดั้งเดิมและที่ทรงประสงค์ไว้สำหรับเราในพระองค์
โรม 8:29 (Msg)

เรามองที่พระบุตรองค์นี้ และเห็นพระประสงค์ดั้งเดิมของพระเจ้าในทุกสิ่งที่ทรงสร้างขึ้น
โคโลสี 1:15 (Msg)

คุณถูกสร้างให้เป็นเหมือนพระคริสต์

ตั้งแต่เริ่มแรก แผนการของพระเจ้าคือการทำให้คุณเป็นเหมือนพระเยซู พระบุตรของพระองค์ นี่คือจุดหมายปลายทางของคุณ และเป็นวัตถุประสงค์ประการที่สามของชีวิตคุณ พระเจ้าทรงประกาศพระประสงค์นี้เมื่อทรงสร้างโลก "แล้วพระเจ้าตรัสว่า ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา" (ปฐมกาล 1:26)

ในบรรดาสิ่งที่ทรงสร้างทั้งหมด มนุษย์เท่านั้นที่ถูกสร้าง "ตามพระฉายาของพระเจ้านี่เป็นสิทธิพิเศษอันยิ่งใหญ่ และทำให้เรามีศักดิ์ศรี เราไม่รู้ทุกสิ่งที่วลีนี้ครอบคลุม แต่เรารู้ความหมายบางด้านได้แก่ เราเป็น ผู้มีจิตวิญญาณเช่นเดียวกับพระเจ้า วิญญาณของเราเป็นอมตะ และจะดำรงอยู่นานกว่าร่างกายฝ่ายโลกของเรา เรามีสติปัญญา เราสามารถคิดใช้เหตุผลและแก้ปัญหา และเช่นเดียวกับพระเจ้า เราสามารถมีความสัมพันธ์ เราสามารถให้ความรัก นอกจากนั้นเรายัง มีจิตสำนึกทางศีลธรรม เราสามารถแยกแยะถูกและผิด ซึ่งทำให้เราต้องรับผิดชอบต่อพระเจ้า

พระคัมภีร์กล่าวว่าทุกคน ไม่ใช่เฉพาะผู้เชื่อ มีส่วนร่วมในพระฉายาของพระเจ้า นั่นคือเหตุผลที่การฆ่าคนและการทำแท้งเป็นสิ่งที่ผิด (ปฐมกาล 6:9; สดุดี 139:13-16; ยากอบ 3:9) แต่พระฉายานี้ไม่สมบูรณ์ ทั้งยังเสียหายและบิดเบือนไปเพราะบาป ดังนั้นพระเจ้าจึงส่งพระเยซูมาทำภารกิจแห่งการรื้อฟื้นพระฉายาที่สมบูรณ์ซึ่งเราได้สูญเสียไป

"พระฉายาและพระลักษณะ" ที่สมบูรณ์ของพระเจ้านั้นเป็นอย่างไร ก็คือเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ พระคัมภีร์กล่าวว่า พระเยซูทรงเป็น "พระฉายาของพระเจ้า" "พระฉายาของพระเจ้าผู้ซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา" และ "พิมพ์เดียวกับพระองค์" (2 โครินธ์ 4:4, โคโลสี 1:15, ฮีบรู 1:3)

ผู้คนมักจะพูดว่า "ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น" เพื่อกล่าวถึงความคล้ายคลึงกันในครอบครัวผมพอใจเมื่อคนอื่นเห็นลักษณะของผมในลูก ๆ ของผม พระเจ้าทรงประสงค์ให้ลูกของพระองค์มีพระฉายาและพระลักษณะของพระองค์ด้วยเช่นกัน พระคัมภีร์กล่าวว่า "ให้ท่านสวมสภาพใหม่ ซึ่งทรงสร้างขึ้นใหม่ตามแบบอย่างของพระเจ้า ในความชอบธรรม และความบริสุทธิ์ที่แท้จริง" (เอเฟซัส 4:24)

ผมขอกล่าวอย่างชัดเจนที่สุดคือ คุณจะไม่มีวันกลายเป็นพระเจ้าหรือแม้แต่เป็นเทพ คำโกหกที่ล่อลวงให้หยิ่งยโสนั้นเป็นการทดลองเก่าแก่ที่สุดของซาตาน ซาตานสัญญากับอาดัมและเอวาว่า ถ้าพวกเขาทำตามคำแนะนำของมัน "เจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า" (ปฐมกาล 3:5) หลายศาสนารวมทั้งปรัชญานิวเอจยังคงโฆษณาคำหลอกลวงอันเก่าแก่นี้ว่า เราเป็นพระเจ้าหรือสามารถกลายเป็นเทพ

ความปรารถนาที่จะเป็นพระเจ้านี้จะปรากฏทุกครั้งที่เราพยายามควบคุมสถานการณ์ อนาคต และผู้คนรอบข้างเรา แต่ในฐานะผู้ที่ถูกสร้างขึ้น เราจะไม่มีวันเป็นพระผู้สร้างได้ พระเจ้าไม่ต้องการให้คุณเป็นพระเจ้า แต่พระองค์ต้องการให้คุณดำเนินในทางของพระเจ้า รับค่านิยม ท่าที และลักษณะนิสัยของพระองค์ พระคัมภีร์กล่าวว่า "จงรับเอาวิถีชีวิตที่ใหม่หมดจดคือ ชีวิตที่พระเจ้าสรรค์สร้าง ชีวิตที่เปลี่ยนใหม่จากภายในและส่งผลออกมาเอง เป็นความประพฤติของท่าน ตามที่พระเจ้าทรงให้กำเนิดพระลักษณะของพระองค์ในท่าน" (เอเฟซัส 4:22 Msg)

เป้าหมายสูงสุดที่พระเจ้ามีไว้สำหรับชีวิตของคุณในโลกไม่ใช่ความสบาย แต่เป็นการสร้างลักษณะนิสัย พระองค์ต้องการให้คุณเติบโตฝ่ายวิญญาณ และเป็นเหมือนพระคริสต์ การเป็นเหมือนพระคริสต์ไม่ได้หมายถึงการสูญเสียบุคลิกภาพ หรือการเป็นมนุษย์โคลนนิ่งไร้ความคิด พระเจ้าทรงสร้างเอกลักษณ์ของคุณ ดังนั้นพระองค์ย่อมไม่ต้องการทำลายมันอย่างแน่นอน การเป็นเหมือนพระคริสต์คือการเปลี่ยนลักษณะนิสัยไม่ใช่เปลี่ยนบุคลิกภาพ

พระเจ้าต้องการให้คุณพัฒนาลักษณะนิสัยตามที่บรรยายไว้ในคำตรัสเรื่อง "ผู้เป็นสุข" ของพระเยซู (มัทธิว 5:1-12) ในเรื่องผลของพระวิญญาณ (กาลาเทีย 5:22-23) ในบทที่เปาโลบรรยายเรื่องความรักอย่างยิ่งใหญ่ (1 โครินธ์ 13) และในรายการลักษณะชีวิตที่มีประสิทธิภาพและเกิดผลของเปโตร (2 เปโตร 1:5-8) ทุกครั้งที่คุณลืมไปว่าลักษณะนิสัยคือ พระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับชีวิตคุณ คุณก็จะหงุดหงิดไปกับสถานการณ์ของคุณ คุณจะสงสัยว่า "ทำไมสิ่งนี้เกิดขึ้นกับฉัน ทำไมฉันถึงลำบากขนาดนี้" คำตอบหนึ่งก็คือ ชีวิตควรจะลำบาก มันคือสิ่งที่ช่วยให้เราเติบโต ขอให้จำไว้ว่า โลกนี้ไม่ใช่สวรรค์

คริสเตียนหลายคนตีความพระสัญญาของพระเยซูเรื่อง "ชีวิตที่ครบบริบูรณ์" ผิด (ยอห์น 10:10) โดยคิดว่ามันหมายถึงสุขภาพที่สมบูรณ์ วิถีชีวิตที่สะดวกสบาย ความสุขตลอดเวลา ฝันเป็นจริงทุกอย่าง และการหลุดพ้นจากปัญหาทันทีโดยความเชื่อและการอธิษฐาน สรุปก็คือ พวกเขาคาดหวังว่าชีวิตคริสเตียนจะง่าย พวกเขาคาดหวังสวรรค์บนดิน

มุมมองที่หมกมุ่นกับตัวเองนี้เห็นว่าพระเจ้าเป็นเทวดารับใช้ ซึ่งอยู่เพียงเพื่อปรนนิบัติคุณ ขณะที่คุณแสวงหาความพึงพอใจส่วนตัว ซึ่งเกิดจากความเห็นแก่ตัว แต่พระเจ้าไม่ใช่คนรับใช้ของคุณ และถ้าคุณยึดติดกับความคิดที่ว่าชีวิตน่าจะสบาย คุณก็จะผิดหวังอย่างรุนแรง หรือไม่คุณก็จะอยู่โดยไม่ยอมรับความจริง

อย่าลืมว่าชีวิตนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ คุณอยู่ในโลกนี้เพื่อพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่ใช่เพื่อความต้องการของคุณ ทำไมพระเจ้าต้องประทานสวรรค์บนดินด้วยในเมื่อพระองค์ทรงเตรียมของจริงไว้สำหรับคุณในนิรันดรกาลแล้ว พระเจ้าประทานเวลาแก่เราในโลกนี้เพื่อสร้างและเสริมลักษณะนิสัยของเราให้พร้อมสำหรับแผ่นดินสวรรค์

พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าทรงทำงานอยู่ภายในคุณ

งานของพระวิญญาณบริสุทธิ์คือ การสร้างลักษณะนิสัยที่เหมือนพระคริสต์ในตัวคุณ พระคัมภีร์กล่าวว่า "เมื่อพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานภายในเรา เราก็กลายเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นเรื่อย ๆ และสะท้อนพระสิริของพระองค์มากยิ่งขึ้นไป" (2 โครินธ์ 3:18ข NLT) กระบวนการเปลี่ยนแปลงเราให้เหมือนพระเยซูนี้ถูกเรียกว่า การชำระให้บริสุทธิ์ และเป็นวัตถุประสงค์ประการที่สามของชีวิตคุณในโลกนี้

เราไม่สามารถสร้างลักษณะนิสัยของพระเยซูด้วยกำลังของเราเอง คำสัญญาในวันปีใหม่ ความมุ่งมั่น หรือความตั้งใจที่ดีที่สุดก็ยังไม่พอ พระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้นที่มีฤทธิ์เดชทำการเปลี่ยนแปลงตามที่พระเจ้าต้องการให้เกิดขึ้นในชีวิตของเรา พระคัมภีร์กล่าวว่า "เพราะว่าพระเจ้าทรงกระทำกิจอยู่ภายในท่าน ให้ท่านมีใจปรารถนาที่จะเชื่อฟังพระองค์และมีกำลังที่จะกระทำสิ่งที่พระองค์ชอบพระทัย" (ฟีลิปปี 2:13 NLT)

เมื่อกล่าวถึง "ฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์" หลายคนคงคิดถึงการสำแดงการอัศจรรย์ และอารมณ์ที่โหมกระพือ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์จะปลดปล่อยออกมาในชีวิตคุณอย่างเงียบ ๆ ในแบบที่เห็นไม่ชัด ซึ่งคุณไม่รู้ตัวหรือไม่สามารถรู้สึกได้ พระองค์มักจะสะกิดเราด้วย "เสียงเบา ๆ" (1 พงค์กษัตริย์ 19:12)

การเป็นเหมือนพระคริสต์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากการเลียนแบบ แต่เกิดจากการทรงสถิตอยู่ภายใน เรายอมให้พระคริสต์ดำเนินชีวิตผ่านตัวเรา "เพราะเคล็ดลับนี้คือ พระคริสต์ทรงมีชีวิตอยู่ในท่าน" (โคโลสี 1:27 NLT) สิ่งนี้เกิดขึ้นในชีวิตจริงได้อย่างไร ก็โดยการเลือกของเรา เราเลือกที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องในสถานการณ์ต่าง ๆ แล้ววางใจพระวิญญาณของพระเจ้าที่จะประทานฤทธิ์เดช ความรัก ความเชื่อ และสติปัญญาแก่เราเพื่อจะทำสิ่งที่ถูกต้องนั้น เนื่องจากพระวิญญาณของพระเจ้าประทับอยู่ภายในเรา สิ่งเหล่านี้จึงมีพร้อมอยู่เสมอเมื่อเราทูลขอ

เราต้องร่วมมือกับการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตลอดพระคัมภีร์ เราเห็นตัวอย่างของความจริงสำคัญประการหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำอีก คือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงปลดปล่อยฤทธิ์เดชของพระองค์ทันทีที่เราก้าวเดินด้วยความเชื่อ เมื่อโยชูวาเผชิญกับอุปสรรคที่ไม่สามารถผ่านได้ น้ำที่กำลังหลากในแม่น้ำจอร์แดนก็หยุดไหลทันที หลังจากบรรดาผู้นำก้าวลงไปในกระแสน้ำเชี่ยวด้วยความเชื่อฟังและความเชื่อ (โยชูวา 3:13-17) การเชื่อฟังจะเปิดประตูแห่งฤทธิ์เดชของพระเจ้า

พระเจ้าจะคอยให้คุณลงมือก่อน อย่าคอยจนกว่าจะรู้สึกมีฤทธิ์เดชหรือมั่นใจ จงก้าวออกไปในความอ่อนแอของคุณ ทำสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่คำนึงถึงความกลัวและความรู้สึกของคุณ นี่คือวิธีที่คุณจะร่วมมือกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ และนี่คือวิธีพัฒนาลักษณะนิสัยของคุณ

พระคัมภีร์เปรียบเทียบการเติบโตฝ่ายวิญญาณกับเมล็ดพืช อาคาร และเด็กที่เติบโต ภาพอุปมาแต่ละภาพล้วนต้องอาศัยการลงมือมีส่วนร่วม เมล็ดต้องมีคนปลูกและดูแล ตึกต้องมีคนสร้าง มันไม่ได้โผล่ขึ้นมาเอง และเด็ก ๆ ก็ต้องกินและออกกำลังกายเพื่อจะเติบโต

แม้ว่าความพยายามจะไม่เกี่ยวอะไรกับความรอดของคุณ แต่มันมีส่วนอย่างมากในการเติบโตฝ่ายวิญญาณ พระคัมภีร์ใหม่สั่งไว้อย่างน้อยแปดครั้งว่า "จงเพียรพยายาม" (ลูกา 13:24, โรม 14:19, เอเฟซัส 4:3, 2 ทิโมธี 2:15, ฮีบรู 4:11, 2 เปโตร 1:5, 3:14) เพื่อจะเติบโตเป็นเหมือนพระเยซู คุณไม่อาจนั่งเฉย ๆ และคอยให้มันเกิดขึ้นเอง

เปาโลอธิบายในเอเฟซัส 4:22-24 ถึงความรับผิดชอบสามประการของเราในการเป็นเหมือนพระคริสต์ ประการแรก เราต้องตัดสินใจทิ้งวิถีความประพฤติเก่า ๆ "ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเก่าต้องถูกทิ้งไป มันเน่าเปื่อยเสื่อมสลาย จงกำจัดมันเสีย" (เอเฟซัส 4:22 Msg)

ประการที่สอง เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดของเรา "ให้พระเจ้าประทานความคิดจิตใจให้ใหม่หมด" (เอเฟซัส 4:23 ประชานิยม) พระคัมภีร์กล่าวว่า เราต้อง "รับการเปลี่ยนแปลง" โดยการเปลี่ยนความคิด (โรม 12:2) คำภาษากรีกที่แปลว่าเปลี่ยนแปลงคือ เมตามอร์โฟสิส (ใช้ในโรม 12:2 และ 2 โครินธ์ 3:18) ปัจจุบันเราใช้คำนี้เพื่อบรรยายการเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่งที่หนอนกลายเป็นผีเสื้อ มันเป็นภาพงดงามของสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราในฝ่ายวิญญาณเมื่อเรายอมให้พระเจ้าทรงนำความคิดของเรา เราได้รับการเปลี่ยนแปลงจากภายในออกมาภายนอก เรางดงามมากขึ้น และเราเป็นอิสระที่จะบินขึ้นสู่ชีวิตที่สูงส่งกว่า

ประการที่สาม เราต้อง "สวม" ลักษณะนิสัยของพระคริสต์ โดยการฝึกนิสัยใหม่ในทางของพระเจ้า ลักษณะนิสัยของคุณก็คือผลรวมทั้งหมดของอุปนิสัย มันคือสิ่งที่คุณประพฤติเป็นนิสัย พระคัมภีร์กล่าวว่า "จงสวมตัวตนใหม่ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างขึ้น ให้เป็นเหมือนพระองค์ ในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง" (เอเฟซัส 4:24 อมตธรรมร่วมสมัย)

พระเจ้าทรงใช้พระวจนะของพระองค์ รวมทั้งผู้คนและสถานการณ์เพื่อปั้นเรา การพัฒนาลักษณะนิสัยขาดสามสิ่งนี้ไม่ได้ พระวจนะของพระเจ้าให้ความจริงที่จำเป็นสำหรับการเติบโต คนของพระเจ้าให้การสนับสนุนที่จำเป็นสำหรับการเติบโต และสถานการณ์ให้สิ่งแวดล้อมที่จำเป็น เพื่อเราจะประพฤติเหมือนอย่างพระคริสต์ ถ้าคุณศึกษาและประพฤติตามพระวจนะของพระเจ้า พบปะพี่น้องผู้เชื่ออย่างสม่ำเสมอ และเรียนรู้ที่จะวางใจพระเจ้าในสถานการณ์ลำบาก ผมรับประกันว่าคุณจะเป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้น เราจะพิจารณาองค์ประกอบของการเติบโตเหล่านี้ทีละอย่างในบทต่อ ๆ ไป

หลายศาสนาถือว่าคนเติบโตฝ่ายวิญญาณและบริสุทธิ์ที่สุด คนที่ปลีกตัวจากคนอื่นไปอยู่ในอารามบนยอดเขา ไม่เป็นมลทินจากการติดต่อกับคนอื่น แต่นี่เป็นความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง ความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณไม่ใช่การพยายามไขว่คว้าด้วยตัวเองตามลำพัง คุณไม่สามารถเติบโตเป็นพระคริสต์ได้ในความสันโดษ คุณต้องอยู่กับคนอื่นและปฏิสัมพันธ์กับพวกเขา คุณต้องเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรและชุมชน ทำไมน่ะหรือก็เพราะว่าความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณที่แท้จริงนั้นคือการเรียนรู้ที่จะรักเหมือนพระเยซู และคุณไม่สามารถฝึกที่จะเป็นเหมือนพระเยซูได้โดยไม่มีความสัมพันธ์กับคนอื่น ขอให้จำไว้ว่า ชีวิตทั้งหมดเกี่ยวข้องกับความรักคือ รักพระเจ้าและรักคนอื่น

การเป็นเหมือนพระคริสต์คือกระบวนการเติบโตอย่างช้า ๆ และยาวนาน ความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณนั้นไม่ได้เกิดขึ้นทันที หรือเกิดขึ้นเอง แต่เป็นการพัฒนาไปข้างหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งต้องใช้เวลาตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณ เปาโลกล่าวถึงกระบวนการนี้ว่า "สิ่งนี้จะดำเนินต่อไปจนกว่าเราจะเป็นผู้ใหญ่ เหมือนกับพระคริสต์ และเราจะเหมือนกับพระองค์อย่างสมบูรณ์" (เอเฟซัส 4:13 CEV)

คุณเป็นชิ้นงานที่กำลังก้าวหน้า การเปลี่ยนแปลงฝ่ายวิญญาณของคุณในการพัฒนาลักษณะนิสัยของพระเยซูจะต้องใช้เวลาตลอดชีวิตที่เหลือของคุณ และแม้จะถึงเวลานั้นมันก็ยังจะไม่เสร็จสมบูรณ์ในโลกนี้ มันจะสำเร็จก็ต่อเมื่อเราไปถึงแผ่นดินสวรรค์ หรือเมื่อพระเยซูเสด็จกลับมา เวลานั้นงานที่ยังคั่งค้างเกี่ยวกับลักษณะนิสัยของคุณจะถูกรวบยอด พระคัมภีร์กล่าวว่า ในที่สุดเมื่อเราสามารถเห็นพระเยซูอย่างชัดเจน เราก็จะเป็นเหมือนพระองค์อย่างสมบูรณ์ "เราจะเป็นอย่างไรต่อไปข้างหน้านั้น เรายังไม่รู้ แต่เรารู้ว่า ในเวลาที่พระองค์จะเสด็จมาปรากฏนั้น เราจะเป็นเหมือนอย่างพระองค์ เพราะว่าเราจะเห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็นอยู่นั้น" (1 ยอห์น 3:2 2002)

ความสับสนมากมายในชีวิตคริสเตียนเกิดจากการเพิกเฉยต่อความจริงง่าย ๆ ที่ว่าพระเจ้าทรงสนพระทัยในการสร้างลักษณะนิสัยของคุณมากยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เราวิตกกังวลเมื่อพระเจ้าทรงดูเหมือนเงียบในเรื่องปัญหาบางอย่างเช่น "ผมจะเลือกอาชีพอะไรดี" ความจริงคือว่า มีอาชีพต่าง ๆ มากมายที่อาจอยู่ในน้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับชีวิตคุณ สิ่งที่พระเจ้าสนพระทัยมากที่สุด ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ให้คุณทำเหมือนกับที่พระคริสต์ทำ (1 โครินธ์ 10:31, 16:14, โคโลสี 3:17,23)

พระเจ้าทรงสนพระทัยว่าคุณเป็นอย่างไร มากยิ่งกว่าคุณทำอะไร พระเจ้าทรงใส่พระทัยลักษณะนิสัยของคุณมากกว่าอาชีพของคุณ เพราะว่าคุณจะนำลักษณะนิสัยของคุณติดไปในนิรันดรกาล ไม่ใช่อาชีพของคุณ

พระคัมภีร์เตือนว่า "อย่าทำตัวกลมกลืนกับวัฒนธรรมของท่าน เสียจนท่านเข้ากับมันได้โดยไม่ต้องคิด แต่จงจดจ่อความสนใจที่พระเจ้า ท่านจะได้รับการเปลี่ยนแปลงจากภายในออกมาภายนอก…ตรงข้ามกับวัฒนธรรมรอบข้างท่าน ซึ่งคอยฉุดท่านลงสู่ความเป็นเด็กแต่พระเจ้าทรงดึงสิ่งที่ดีที่สุดในตัวท่านออกมา ทรงพัฒนาความเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นคงในตัวท่าน" (โรม 12:2 Msg) คุณต้องตัดสินใจทวนกระแส เพื่อจะมุ่งมั่นในการเป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้น มิเช่นนั้น แรงกดดันอื่น ๆ อย่างเช่น เพื่อน ๆ พ่อแม่ เพื่อนร่วมงานและวัฒนธรรมจะพยายามหล่อหลอมคุณให้เป็นเหมือนพวกเขา

น่าเศร้าใจ จากการอ่านหนังสือคริสเตียนขายดีหลายเล่มอย่างคร่าว ๆ ทำให้เห็นว่าผู้เชื่อจำนวนมากได้เลิกดำเนินชีวิตเพื่อพระประสงค์อันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และมุ่งหาความพอใจส่วนตัวและความมั่นคงทางอารมณ์แทน นั่นคือการลุ่มหลงอยู่กับตัวเอง ไม่ใช่การเป็นสาวก พระเยซูมิได้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพียงเพื่อเราจะสามารถมีชีวิตอยู่อย่างสะดวกสบาย พระประสงค์ของพระองค์ลึกซึ้งกว่านั้นมาก พระองค์ต้องการทำให้เราเป็นเหมือนพระองค์ ก่อนที่พระองค์จะทรงนำเราไปสวรรค์ นี่คือสิทธิพิเศษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา เป็นความรับผิดชอบที่เราต้องทำทันที และเป็นจุดหมายปลายทางสูงสุดของเรา

วันที่ 22 คิดถึงวัตถุประสงค์ของฉัน

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ: ฉันถูกสร้างให้เป็นเหมือนพระคริสต์

ข้อพระคัมภีร์สำหรับท่องจำ: "เมื่อพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานภายในเรา เราก็กลายเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นเรื่อย ๆ และสะท้อนพระสิริของพระองค์มากยิ่งขึ้นไป" 2 โครินธ์ 3:18ข (NLT)

คำถามสำหรับการพิจารณา: เวลานี้มีด้านใดในชีวิตที่ฉันจำเป็นต้องทูลขอฤทธิ์เดชของพระวิญญาณเพื่อช่วยให้เป็นเหมือนพระคริสต์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น