วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วันที่ 26 เติบโตผ่านการทดสอบ

ความสุขเป็นของบุคคลที่ไม่ยอมแพ้และทำผิดทั้ง ๆ ที่ถูกทดลองเพราะภายหลัง เขาจะได้รับบำเหน็จเป็นมงกุฏแห่งชีวิตซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาแก่คนเหล่านั้นที่รักพระองค์
ยากอบ 1:12 (LB)

การทดลองคือครูสอนศาสนศาสตร์ของข้าพเจ้า
มาร์ติน ลูเธอร์

การทดลองทุกครั้งเป็นโอกาสที่จะทำความดี

บนเส้นทางสู่การเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ แม้แต่การทดลองก็กลายเป็นบันไดแทนที่จะเป็นหินสะดุด เมื่อคุณรู้ว่านี่เป็นโอกาสที่จะทำถูกพอ ๆ กับที่จะทำผิด การทดลองเพียงแต่ให้ทางเลือก ขณะที่การทดลองเป็นอาวุธหลักของซาตานที่จะทำลายคุณ แต่พระเจ้าต้องการใช้มันเพื่อเสริมสร้างคุณ ทุกครั้งที่คุณเลือกทำความดีแทนที่จะทำบาป คุณก็จะเติบโตขึ้นในลักษณะนิสัยของพระคริสต์

คุณต้องรู้จักลักษณะนิสัยของพระเยซูก่อนจึงจะเข้าใจเรื่องนี้ คำบรรยายอย่างย่อที่สุดตอนหนึ่งในเรื่องลักษณะนิสัยของพระองค์ คือ ผลของพระวิญญาณ "เมื่อพระวิญญาณทรงควบคุมชีวิตของเรา พระองค์จะทรงสร้างผลเหล่านี้ในเรา คือความรัก ความชื่นชมยินดี สันติสุข ความอดทน ความปราณี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อมและการบังคับตน" (กาลาเทีย 5:22-23)

คุณลักษณะเก้าประการนี้คือการขยายความของมหาบัญญัติ และให้ภาพอันงดงามที่บรรยายถึงพระเยซูคริสต์ พระเยซูทรงเป็นความรัก ความชื่นชมยินดี สันติสุข ความอดทน รวมทั้งผลอื่น ๆ ทั้งหมดที่สมบูรณ์แบบรวมอยู่ในคนคนเดียว การมีผลของพระวิญญาณก็คือ การเป็นเหมือนพระคริสต์

แล้วพระวิญญาณทรงผลิตผลเก้าชนิดนี้ในชีวิตของคุณอย่างไร พระองค์ทรงสร้างสิ่งเหล่านี้แบบทันทีทันใดหรือ คุณจะตื่นขึ้นมาเช้าวันหนึ่ง แล้วจู่ ๆ ก็เพียบพร้อมไปด้วยลักษณะนิสัยเหล่านี้อย่างสมบูรณ์อย่างนั้นหรือ ไม่ใช่ ผลย่อมเติบโตและสุกงอมอย่างช้า ๆ

ประโยคต่อไปนี้คือ ความจริงฝ่ายวิญญาณที่สำคัญที่สุดประโยคหนึ่งที่คุณจะได้เรียนรู้ในชีวิตนี้ คือ พระเจ้าทรงสร้างผลพระวิญญาณในชีวิตคุณ โดยการให้คุณเผชิญสถานการณ์ซึ่งพยายามล่อลวงให้คุณแสดงลักษณะที่ตรงกันข้าม การพัฒนาลักษณะนิสัยมักจะเกี่ยวข้องกับการเลือก และการทดลองก็หยิบยื่นโอกาสเช่นนั้น

ยกตัวอย่าง พระเจ้าทรงสอนเราให้รักโดยการให้คนที่ไม่น่ารักบางคนมาอยู่ใกล้เรา มันไม่ต้องใช้ลักษณะนิสัยพิเศษอะไรเลยที่จะรักคนที่น่ารักและรักคุณ พระเจ้าสอนให้เรารู้จักความชื่นชมยินดีที่แท้จริงท่ามกลางความเศร้าโศก เมื่อเราหันมาหาพระองค์ ความสุขขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายนอก แต่ความชื่นชมยินดีอยู่กับความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้า

พระเจ้าทรงสร้างสันติสุขแท้ภายในเรา ไม่ใช่โดยการทำสิ่งต่าง ๆ เป็นไปอย่างที่เราวางแผนไว้ แต่โดยการอนุญาตให้มีช่วงเวลาสับสนและวุ่นวาย ใคร ๆ ก็สามารถมีสันติสุขได้ขณะมองดูอาทิตย์อัศดงที่สวยงาม หรือพักผ่อนในวันหยุด แต่เราเรียนรู้สันติสุขแท้โดยการเลือกที่จะวางใจพระเจ้า ในสถานการณ์ที่เราถูกทดลองให้วิตกหรือกลัว เช่นเดียวกัน ความอดทนจะถูกพัฒนาขึ้นในสถานการณ์ที่เราถูกบังคับให้รอคอย และถูกทดลองให้โกรธหรือฉุนเฉียว

พระเจ้าทรงใช้เหตุการณ์ตรงข้ามกับผลของพระวิญญาณแต่ละอย่าง เพื่อให้เรามีโอกาสเลือก คุณไม่สามารถอ้างตนว่าเป็นคนดีถ้าคุณไม่เคยถูกทดลองให้ทำสิ่งเลวร้าย คุณไม่สามารถอ้างว่าคุณสัตย์ซื่อ ถ้าคุณไม่เคยมีโอกาสจะไม่สัตย์ซื่อ ความซื่อตรงนั้นถูกพัฒนาขึ้นโดยการเอาชนะการล่อลวงให้ไม่ซื่อสัตย์ ความถ่อมใจเพิ่มพูนเมื่อเราไม่ยอมเย่อหยิ่ง และความอดทนจะพัฒนาทุกครั้งที่คุณปฏิเสธการล่อลวงให้ยอมแพ้ ทุกครั้งที่คุณชนะการทดลองอย่างหนึ่ง คุณก็จะเป็นพระคริสต์มากขึ้น

การทดลองทำงานอย่างไร

จะเป็นประโยชน์มากถ้าเรารู้ว่าวิธีการของซาตานนั้นคาดเดาได้ทั้งหมด มันใช้กลยุทธ์เดิมและเล่ห์เหลี่ยมเก่า ๆ มาตั้งแต่การทรงสร้าง การทดลองทุกอย่างมีรูปแบบเดียวกันหมด นั่นคือเหตุผลที่เปาโลกล่าวว่า "เรารู้ทันกลอุบายต่าง ๆ ของมัน" (2 โครินธ์ 2:11 อ่านเข้าใจง่าย) เราเรียนรู้จากพระคัมภีร์ว่า การทดลองมีสี่ขั้นตอน ซึ่งซาตานใช้กับทั้งอาดัมและเอวา และกับพระเยซูด้วย

ในขั้นแรก ซาตานจะค้นหาความปรารถนาภายในของคุณ มันอาจจะเป็นความปรารถนาที่เป็นบาป เช่น ความปรารถนาที่จะแก้แค้นหรือควบคุมคนอื่น หรืออาจจะเป็นความปรารถนาที่ถูกต้องและปกติ เช่น ความปรารถนาที่จะได้รับความรัก และรู้สึกว่าตนมีค่าหรือรู้สึกสุขใจ การทดลองเริ่มต้นเมื่อซาตานเสนอ (ในความคิด) ให้คุณยอมต่อความปรารถนาชั่ว หรือให้คุณบรรลุความปรารถนาที่ถูกต้องด้วยวิธีการที่ผิด หรือในเวลาที่ผิด จงระวังทางลัดไว้เสมอ เพราะมันมักจะเป็นการทดลอง ซาตานกระซิบว่า "เจ้าสมควรจะได้มัน เจ้าควรจะได้มันเดี๋ยวนี้ มันจะตื่นเต้น… อุ่นใจ… หรือทำให้เจ้ารู้สึกดีขึ้น"

เราคิดว่าการทดลองอยู่รอบตัวเรา แต่พระเจ้าตรัสว่ามันเริ่มต้นภายในเรา ถ้าคุณไม่มีความปรารถนาภายใน การทดลองก็ไม่สามารถดึงดูดคุณได้ การทดลองเริ่มต้นในความคิดของคุณเสมอ ไม่ใช่ในสถานการณ์แวดล้อม พระเยซูตรัสว่า "เพราะว่าจากภายในมนุษย์คือ จิตใจมนุษย์มีความคิดชั่วร้าย การล่วงประเวณี การลักขโมย การฆ่าคน การผิดผัวผิดเมีย การโลภ ความอธรรม การล่อลวงเขา ราคะตัณหา อิจฉาตาร้อน การใส่ร้าย ความเย่อหยิ่ง ความบัดซบ สารพัดการชั่วนี้เกิดมาจากภายใน" (มาระโก 7:21-23) ยากอบบอกว่า มี "ความปรารถนาชั่วมากมายมหาศาลอยู่ภายในท่าน" (ยากอบ 4:1 LB)

ขั้นที่สองคือความมสงสัย ซาตานพยายามทำให้คุณสงสัยสิ่งที่พระเจ้าตรัสเกี่ยวกับความบาป มันผิดจริงหรือ พระเจ้าตรัสว่าอย่าทำสิ่งนั้นจริงหรือ พระเจ้าเจตนาจะให้ข้อห้ามนี้สำหรับคนอื่นหรือเวลาอื่นไม่ใช่หรือ พระเจ้าต้องการให้ฉันมีความสุขไม่ใช่หรือ พระคัมภีร์เตือนว่า "จงระวัง อย่าให้ความคิดชั่วร้ายหรือความสงสัยทำให้คนใดในพวกท่านละทิ้งพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่" (ฮีบรู 3:12 CEV)

ขั้นที่สามคือการหลอกลวง ซาตานไม่สามารถพูดความจริงได้ และได้ชื่อว่า "พ่อของการมุสา" (ยอห์น 8:44) ทุกสิ่งที่มันบอกคุณจะไม่จริง หรือจริงเพียงครึ่งเดียว ซาตานหยิบยื่นคำมุสาของมันแทนสิ่งที่พระเจ้าได้ตรัสไว้แล้วในพระวจนะของพระองค์ ซาตานกล่าวว่า "เจ้าจะไม่ตายหรอก จะฉลาดเหมือนพระเจ้า แล้วเจ้าจะหนีรอดไปได้ คนอื่นไม่มีวันรู้หรอก มันจะแก้ปัญหาให้เจ้า ยิ่งกว่านั้นใคร ๆ เขาก็ทำกันทั้งนั้น มันก็แค่บาปเล็ก ๆ" แต่บาปเล็ก ๆ ก็เหมือนกับการตั้งท้องอ่อน ๆ ในที่สุดมันก็ปรากฏออกมา

ขั้นที่สี่คือการไม่เชื่อฟัง ในที่สุดคุณจะทำสิ่งที่ครุ่นคิดในสมอง สิ่งที่เริ่มต้นเป็นความคิดจะคลอดออกมาเป็นการกระทำ คุณจะยอมแพ้สิ่งใดก็ตามที่กุมความสนใจของคุณได้ คุณเชื่อคำโกหกของซาตาน และตกหลุมพรางที่ยากอบเตือนว่า "ที่ผู้นั้นถูกยั่วยุให้ทำบาปก็เพราะขณะนั้นเขาเหินห่างออกไปจากพระเจ้า และติดกับตัณหาของตนเองต่างหาก แล้วตัณหาของเขาก็ฟักตัวขึ้น ก่อให้เกิดบาป เมื่อบาปครอบงำใจผู้นั้นเต็มที่แล้ว ก็นำไปสู่ความตาย พี่น้องที่รักเอ๋ย อย่าให้ท่านถูกหลอกได้" (ยากอบ 1:14-16 ประชานิยม)

ชนะการทดลอง

การเข้าใจว่าการทดลองทำงานอย่างไรนั้นมีประโยชน์อยู่ในตัวของมันเอง แต่ถ้าคุณจะเอาชนะการทดลอง คุณจำเป็นต้องทำตามขั้นตอนเจาะจงต่อไปนี้

ปฏิเสธคำข่มขู่ คริสเตียนหลายคนกลัวและหมดกำลังใจ เมื่อเกิดการทดลองในความคิดคือ รู้สึกผิดที่พวกเขาไม่ได้อยู่ "เหนือ" การทดลอง พวกเขารู้สึกอาย เพียงเพราะตนถูกทดลอง นี่เป็นความเข้าใจผิดในเรื่องความเป็นผู้ใหญ่ คุณจะไม่มีวันเติบโต จนไม่มีโอกาสถูกทดลอง

ในด้านหนึ่ง คุณสามารถถือว่าการทดลองนั้นเป็นคำชมเชย ซาตานไม่จำเป็นต้องทดลองคนที่ตั้งใจทำชั่วตามมันอยู่แล้ว พวกเขาเป็นของมันอยู่แล้ว การทดลองเป็นสัญลัษณ์ว่าซาตานเกลียดคุณ ไม่ใช่สัญลักษณ์ของความอ่อนแอหรือการอยู่ฝ่ายโลก มันยังเป็นเรื่องปกติของการเป็นมนุษย์ และการอยู่ในโลกที่ตกสู่ความบาป อย่าแปลกใจตกใจ หรือท้อใจเพราะสิ่งนี้ จงยอมรับความจริงว่าการทดลองเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณจะไม่มีทางหลีกเลี่ยงมันได้ทั้งหมด พระคัมภีร์กล่าวว่า "เมื่อท่านถูกทดลอง…" ไม่ใช่ ถ้าท่านถูกทดลอง เปาโลแนะนำว่า "จงระลึกว่า การทดลองที่มีถึงชีวิตของท่านนั้นไม่แตกต่างจากสิ่งที่คนอื่นประสบ" (1 โครินธ์ 10:13 NLT)

การถูกทดลองนั้นไม่ใช่ความบาป พระเยซูทรงถูกทดลอง แต่พระองค์ไม่เคยทำบาป (ฮีบรู 4:15) การทดลองจะกลายเป็นความบาปก็ต่อเมื่อคุณยอมแพ้มัน มาร์ติน ลูเธอร์กล่าวว่า "คุณไม่สามารถห้ามนกบินข้ามศีรษะคุณ แต่คุณสามารถห้ามมันไม่ให้ทำรังในผมของคุณ" คุณไม่สามารถห้ามมารไม่ให้เสนอความคิด แต่คุณสามารถเลือกที่จะไม่ครุ่นคิดหรือทำตาม

ยกตัวอย่าง คนจำนวนมากไม่รู้ความแตกต่างระหว่างเสน่ห์ทางกายหรือแรงกระตุ้นทางเพศกับราคะตัณหา สองสิ่งนี้ไม่เหมือนกัน พระเจ้าทรงสร้างเราทุกคนให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ และนั่นเป็นสิ่งดี เสน่ห์และแรงกระตุ้นเป็นการตอบสนองตามปกติเกิดขึ้นเอง ซึ่งพระเจ้าประทานมาเพื่อความงามทางร่างกาย ขณะที่ตัณหาเป็นความตั้งใจ ตัณหาคือ การเลือกในจิตใจว่าคุณจะใช้ร่างกายของคุณทำอะไร คุณสามารถสนใจหรือแม้กระทั่งถูกกระตุ้นโดยยังไม่ได้เลือกที่จะทำบาปด้วยการมีความใคร่ หลายคนโดยเฉพาะผู้ชายคริสเตียนรู้สึกผิดที่ฮอร์โมนซึ่งพระเจ้าประทานแก่เขานั้นทำงาน เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์คนหนึ่ง พวกเขาก็เหมาว่ามันเป็นตัณหา และรู้สึกอับอายและรู้สึกผิด แต่การสนใจไม่ใช่ตัณหาจนกว่าคุณจะเริ่มครุ่นคิดมัน

ที่จริง ยิ่งคุณใกล้ชิดพระเจ้ามากเท่าใด ซาตานก็ยิ่งพยายามทดลองคุณมากเท่านั้นทันทีที่คุณเป็นลูกของพระเจ้า ซาตานก็เหมือนกับตัวแสบของกลุ่มอันธพาลที่ "หมายหัวคุณ" คุณเป็นศัตรูของมัน และมันวางแผนให้คุณทำบาป

บางครั้งขณะที่คุณอธิษฐาน ซาตานจะเสนอความคิดแปลกประหลาดหรือชั่วร้ายเพียงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจคุณและทำให้คุณอาย อย่าตกใจหรืออายเพราะสิ่งนี้ แต่จงตระหนักว่า ซาตานกลัวคำอธิษฐานของคุณ และจะพยายามทำทุกสิ่งเพื่อหยุดคำอธิษฐานแทนที่จะกล่าวโทษตัวเอง "ผมคิดเรื่องพรรค์นี้ได้ยังไง" ให้คุณถือว่ามันเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของซาตาน และกลับมาจดจ่อที่พระเจ้าทันที

รู้จักรูปแบบการทดลองที่เกิดขึ้นกับคุณ และเตรียมตัวรับมือ มีบางสถานการณ์ที่ทำให้คุณอ่อนแอต่อการทดลอง สถานการณ์บางอย่างจะทำให้คุณสะดุดแทบจะทันที ขณะที่สถานการณ์อื่น ๆ ไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณมากนัก สถานการณ์เหล่านี้เกี่ยวข้องกับความอ่อนแอเฉพาะตัวของคุณ คุณจำเป็นต้องรู้จักสถานการณ์เหล่านี้ เพราะว่าซาตานรู้จักสิ่งเหล่านี้อย่างแน่นอน มันรู้อย่างเจาะจงว่าอะไรจะทำให้คุณล้ม มันพยายามไม่หยุดหย่อนที่จะชักนำคุณเข้าไปในสถานการณ์เหล่านั้น เปโตรเตือนว่า "จงระวังตัว มารจ้องจะตะครุบและไม่มีอะไรที่มันชอบยิ่งกว่าการจับท่านได้ขณะนอนหลับ" (1 เปโตร 5:8 Msg)

ถามตัวคุณเองว่า "เวลาไหนที่ฉันถูกทดลองมากที่สุด วันไหนของสัปดาห์ ช่วงเวลาไหนของวัน" ถามว่า "ที่ไหนที่ฉันถูกทดลองมากที่สุด ที่ทำงานหรือที่บ้าน ที่บ้านเพื่อน ที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มของสถานที่ออกกำลังกาย ที่สนามบิน หรือที่โรงแรมนอกเมือง"

ถามว่า "เวลาไหนที่ฉันถูกทดลองมากที่สุดนั้นฉันอยู่กับใคร กับเพื่อนร่วมงาน ท่ามกลางฝูงชนแปลกหน้า หรือเมื่ออยู่คนเดียว" ถามด้วยว่า "เวลาที่ฉันถูกทดลองมากที่สุดนั้น ฉันมักจะรู้สึกอย่างไร" มันอาจจะเป็นเวลาที่คุณเหนื่อย หรือเหงา หรือเบื่อ หรือหดหู่ หรือเครียด หรือเมื่อคุณถูกทำให้เจ็บ หรือรู้สึกโกรธ หรือวิตกกังวล หรือหลังจากความสำเร็จครั้งใหญ่หรือความตื่นเต้นฝ่ายวิญญาณ

คุณควรรู้จักรูปแบบการทดลองที่เกิดขึ้นกับคุณบ่อย ๆ แล้วเตรียมตัวหลีกเลี่ยงสถานการณ์เหล่านั้นให้ไกลที่สุด พระคัมภีร์บอกเราซ้ำแล้วซ้ำอีกให้คาดหมายและเตรียมพร้อมที่จะเผชิญการทดลอง เปาโลกล่าวว่า "อย่าให้โอกาสแก่มาร" (เอเฟซัส 4:27) การวางแผนที่ฉลาดจะช่วยให้คุณถูกทดลองน้อยลง จงทำตามคำแนะนำของสุภาษิต "จงวางแผนอย่างรอบคอบในสิ่งที่คุณทำ… จงหลีกเลี่ยงความชั่วและเดินตรงไปข้างหน้า อย่าหันเหออกจากทางที่ถูกต้องแม้แต่ก้าวเดียว" (สุภาษิต 4:26-27 TEV) "คนของพระเจ้าหลีกเลี่ยงทางชั่ว และพวกเขาป้องกันตัวโดยระมัดระวังสถานที่ที่พวกเขาไป" (สุภาษิต 16:17 CEV)

ขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า สวรรค์มีสายด่วนยี่สิบสี่ชั่วโมง พระเจ้าต้องการให้คุณขอความช่วยเหลือจากพระองค์เพื่อเอาชนะการทดลอง พระองค์ตรัสว่า "จงร้องทูลเราในวันทุกข์ยากลำบาก เราจะช่วยกู้เจ้า และเจ้าจะถวายพระสิริแก่เรา" (สดุดี 50:15)

ผมเรียกการอธิษฐานแบบนี้ว่าอธิษฐาน "ไมโครเวฟ" เพราะว่ามันเร็วและตรงจุด ช่วยด้วย ! ช่วยด้วย ! ช่วยด้วย ! เมื่อการทดลองจู่โจม คุณไม่มีเวลาที่จะสนทนายืดยาวกับพระเจ้า คุณได้แต่ร้องออกมา ดาวิด ดาเนียล เปโตร เปาโล และคนอื่น ๆ อีกนับล้านได้อธิษฐานฉับพลันแบบนี้ เพื่อขอความช่วยเหลือเมื่อประสบปัญหา

พระคัมภีร์รับประกันว่า พระเจ้าจะทรงฟังคำร้องขอความช่วยเหลือของเรา เพราะว่าพระเยซูทรงเห็นใจการต่อสู้ดิ้นรนของเรา พระองค์ทรงเผชิญการทดลองเช่นเดียวกับเรา "พระองค์สามารถเห็นใจในความอ่อนแอของเรา ได้ทรงถูกทดลองใจเหมือนอย่างเราทุกประกอบ ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังปราศจากบาป" (ฮีบรู 4:15)

ในเมื่อพระเจ้าทรงรอคอยที่จะช่วยเราเอาชนะการทดลอง แล้วทำไมเราไม่พึ่งพระองค์มากกว่านี้ล่ะครับ พูดตามตรงก็คือ บางครั้งเราก็ไม่ต้องการให้พระองค์ช่วย เราอยากยอมแพ้การทดลอง แม้เราจะรู้ว่ามันผิด แต่ ณ เวลานั้น เราคิดว่าเรารู้ดีกว่าพระเจ้าว่าอะไรดีที่สุดสำหรับเรา

ส่วนเวลาอื่น เราอายที่จะขอพระเจ้าทรงช่วยเรา เพราะว่าเรายอมแพ้การทดลองชนิดเดียวกันนั้นมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่พระเจ้าไม่ทรงหงุดหงิด เบื่อหน่าย หรือรำคาญเมื่อเรากลับมาหาพระองค์อยู่เรื่อย ๆ พระคัมภีร์กล่าวว่า "ให้เราทั้งหลายจงมีใจกล้าเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณ เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะได้รับพระคุณที่จะช่วยเราในขณะที่ต้องการ" (ฮีบรู 4:16)

ความรักของพระเจ้านั้นดำรงอยู่นิรันดร์ และความอดทนของพระองค์ดำรงตลอดไป ถ้าคุณจำเป็นต้องร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าวันละสองร้อยครั้งเพื่อจะชนะการทดลองชนิดหนึ่ง พระองค์ก็จะยังทรงกระตือรือร้นที่จะประทานพระเมตตาและพระคุณ ดังนั้นจงมาหาด้วยใจกล้าขอกำลังจากพระองค์เพื่อทำสิ่งที่ถูกต้อง แล้วคาดหวังว่าพระองค์จะประทานให้

การทดลองทำให้เราพึ่งพระเจ้าอยู่เสมอ รากแข็งแรงขึ้นเมื่อลมพัดปะทะต้นไม้ฉันใดทุกครั้งที่คุณยืนหยัดสู้การทดลอง คุณก็เป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้นฉันนั้น เมื่อคุณสะดุดล้ม แน่นอนคุณจะสะดุด แต่มันจะไม่ถึงตาย แทนที่ยอมแพ้หรือยอมล้มเลิก ให้คุณเงยหน้าดูพระเจ้า คาดหวังว่าพระองค์จะทรงช่วยคุณ และระลึกถึงรางวัลที่รอคอยคุณอยู่ "เมื่อคนถูกทดลองแต่ยังเข้มแข็งต่อไป พวกเขาจะเป็นสุข หลังจากที่พวกเขาได้พิสูจน์ความเชื่อของตนแล้ว พระเจ้าจะทรงประทานบำเหน็จแก่พวกเขาเป็นชีวิตนิรันดร์ (ยากอบ 1:12 NCV)

วันที่ 26 คิดถึงวัตถุประสงค์ของฉัน

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ: การทดลองทุกครั้งเป็นโอกาสที่จะทำความดี

ข้อพระคัมภีร์สำหรับท่องจำ: "คนที่อดทนต่อการทดลองใจก็เป็นสุข เพราะเมื่อปรากฏว่าผู้นั้นทนได้แล้ว เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตซึ่งพระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้แก่คนทั้งหลายที่รักพระองค์" ยากอบ 1:12

คำถามสำหรับการพิจารณา: ลักษณะนิสัยแบบพระคริสต์ข้อใด ที่ฉันสามารถพัฒนาขึ้นได้โดยการเอาชนะการทดลองที่ฉันพบบ่อยที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น