วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วันที่ 17 เพื่อจะเป็นส่วนหนึ่ง

บัดนี้ ท่านเป็นพลเมืองเดียวกับประชากรของพระเจ้า เป็นคนในครอบครัวของพระเจ้า
เอเฟซัส 2:19ข (ประชานิยม)

ครอบครัวของพระเจ้า คือคริสตจักรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ อันเป็นเสาหลักและรากฐานแห่งความจริง
1 ทิโมธี 3:15ข (อมตธรรมร่วมสมัย)

คุณได้รับการทางเรียกให้เป็นส่วนหนึ่ง ไม่ใช่เพียงแต่เชื่อ

แม้แต่ในสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบปราศจากบาปของสวนเอเดน พระเจ้าก็ยังตรัสว่า "ไม่ควรที่ชายผู้นี้จะอยู่คนเดียว" (ปฐมกาล 2:18) เราถูกสร้างมาสำหรับชุมชน หล่อหลอมสำหรับสามัคคีธรรม และปั้นไว้สำหรับครอบครัว และไม่มีใครในพวกเราสามารถทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จได้ด้วยตัวเอง

พระคัมภีร์ไม่เคยรู้จักธรรมิกชนสันโดษ หรือฤาษีฝ่ายวิญญาณ ที่ปลีกตัวจากผู้เชื่อคนอื่น ๆ และตัดขาดจากสามัคคีธรรม พระคัมภีร์กล่าวว่า เราถูกนำมารวมกัน ต่อกันด้วยกันก่อขึ้นด้วยกัน เป็นอวัยวะของกัน เป็นทายาทร่วมกัน ประสานกันและยึดไว้ด้วยกัน และจะถูกรับขึ้นไปด้วยกัน (1 โครินธ์ 12:12; เอเฟซัส 2:21-22; 3:6; 4:16; โคโลสี 2:19; 1 เธสะโลนิกา 4:17) คุณไม่ได้อยู่แบบเป็นเอกเทศอีกต่อไป

แม้ว่าความสัมพันธ์ของคุณกับพระคริสต์จะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่พระเจ้าไม่ประสงค์ให้มันเป็นเรื่องตัวใครตัวมัน ในครอบครัวของพระเจ้า คุณได้รับการผูกสัมพันธ์กับพี่น้องผู้เชื่อทุกคน และเราจะเป็นของกันและกันไปชั่วนิรันดร์ พระคัมภีร์กล่าวว่า "พวกเราผู้เป็นหลายคน ยังเป็นกายอันเดียวในพระคริสต์ และเป็นอวัยวะแก่กันและกัน" (โรม 12:5)

การติดตามพระคริสต์นั้นไม่ใช่แค่การเชื่อ แต่ยังรวมถึงการเป็นส่วนหนึ่ง เราเป็นอวัยวะแห่งพระกายของพระองค์ คือคริสตจักร ซี. เอส. ลุยส์ ให้ข้อสังเกตว่า คำว่าสมาชิกภาพมีจุดเริ่มต้นมาจากคริสเตียน แต่โลกได้ทำให้ความหมายดั้งเดิมสูญหายไป ร้านค้าลดราคาให้ "สมาชิก" และผู้โฆษณาใช้ชื่อสมาชิกเป็นรายนามสำหรับส่งไปรษณีย์ และในคริสตจักร สมาชิกก็มักจะถูกลดบทบาทลงเหลือแค่การเพิ่มชื่อของคุณเข้าไปในทะเบียนโดยไม่มีข้อเรียกร้องหรือความคาดหวังอะไร

สำหรับเปาโล การเป็น "สมาชิก" ของคริสตจักรหมายถึงการเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายที่มีชีวิต เป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ซึ่งเชื่อมต่อกันอยู่ในพระกายของพระคริสต์ (โรม 12:4-5; 1 โครินธ์ 6:5; 12:12-27) เราจำเป็นต้องรื้อฟื้นและถือปฏิบัติตามความหมายของพระคัมภีร์ในเรื่องสมาชิกภาพนี้ คริสตจักรคือร่างกายไม่ใช่อาคาร เป็นสิ่งมีชีวิต ไม่ใช่องค์กร

เพื่อให้อวัยวะในร่างกายคุณสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ อวัยวะเหล่านี้ต้องเชื่อมต่อเข้าด้วยกันกับร่างกายคุณ เช่นเดียวกับคุณที่เป็นหนึ่งในพระกายของพระคริสต์ คุณถูกสร้างมาเพื่อบทบาทเฉพาะตัว แต่คุณจะพลาดวัตถุประสงค์ประการที่สองนี้ถ้าคุณไม่เข้าผูกพันกับคริสตจักท้องถิ่นที่มีชีวิต คุณจะพบบทบาทในชีวิตของคุณผ่านทางความสัมพันธ์ไม่ใช่เมื่อแยกจากกัน ร่างกายที่เรากำลังพูดถึงนี้คือพระกายของพระคริสต์ ซึ่งประกอบด้วยผู้ที่ได้รับการเลือกสรร พวกเราแต่ละคนพบความหมายและหน้าที่ของตน ในฐานะส่วนหนึ่งในพระกายของพระองค์ แต่เช่นเดียวกับนิ้วมือหรือนิ้วเท้าที่ถูกตัดออก เราคงทำอะไรได้ไม่มาก" (โรม 12:4-5 Msg)

ถ้าอวัยวะหนึ่งถูกตัดออกไปจากร่างกาย มันก็จะแห้งเหี่ยวและตายไป มันไม่สามารถอยู่ด้วยตัวเอง และคุณก็เหมือนกัน ชีวิตฝ่ายวิญญาณของคุณจะเหี่ยวแห้งและตายไปในที่สุด (เอเฟซัส 4:6) เมื่อคุณไม่ผูกพันหรือถูกตัดขาดจากสายเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตของคริสตจักรท้องถิ่น นี่คือ เหตุผลที่อาการแรกของความถดถอยฝ่ายวิญญาณมักจะปรากฏเป็นการมานมัสการและร่วมประชุมคริสเตียนรูปแบบอื่นอย่างไม่สม่ำเสมอ เมื่อไรที่เราไม่สนใจการสามัคคีธรรม สิ่งอื่นทั้งหมดก็เริ่มตกต่ำด้วย

สมาชิกภาพในครอบครัวของพระเจ้านั้นหาใช่สิ่งที่ไม่มีผลต่อเนื่อง หรือสิ่งที่ไม่ต้องใส่ใจไม่ คริสตจักรคือแผนการของพระเจ้าสำหรับโลกนี้ พระเยซูตรัสว่า "เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้ และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรไม่ได้" (มัทธิว 16:18 2002) คริสตจักรจะไม่มีวันถูกทำลาย และจะดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ จะอยู่นานกว่าจักรวาลนี้ และบทบาทของคุณเช่นกัน คนที่พูดว่า "ผมไม่ต้องการคริสตจักร" นั้น ถ้าไม่ยโส ก็ต้องเป็นคนเขลา คริสตจักรสำคัญมากถึงขนาดที่พระเยซูได้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อคริสตจักร "พระคริสต์ทรงรักคริสตจักร และทรงประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักร" (เอเฟซัส 5:25)

พระคัมภีร์เรียกคริสตจักรว่า "เจ้าสาวของพระคริสต์" และ "พระกายของพระคริสต์" (2 โครินธ์ 11:2; เอเฟซัส 5:27; วิวรณ์ 19:7) ผมนึกไม่ออกว่าตนเองจะสามารถพูดกับพระคริสต์ว่า "ข้าพระองค์รักพระองค์ แต่ข้าพระองค์ไม่ชอบภรรยาของพระองค์" ได้อย่างไรหรือ "ข้าพระองค์ยอมรับพระองค์ แต่ไม่ยอมรับพระกายของพระองค์" แต่เราก็ทำแบบนี้เมื่อเพิกเฉย ดูหมิ่นหรือบ่นว่าคริสตจักร ตรงกันข้าม พระเจ้าบัญชาให้เรารักคริสตจักรมากเท่ากับที่พระคริสต์ทรงรัก พระคัมภีร์กล่าวว่า "จงรักครอบครัวฝ่ายวิญญาณของท่าน" (1 เปโตร 2:17ข Msg) น่าเศ้าใจที่คริสเตียนหลายคนใช้งานคริสตจักรแต่ไม่รักคริสตจักร

สามัคคีธรรมในท้องถิ่นของคุณ

เกือบจะทุกครั้ง คำว่าคริสตจักรในพระคัมภีร์หมายถึงที่ประชุมท้องถิ่นซึ่งปรากฏต่อสายตา โดยมีข้อยกเว้นสำคัญ ๆ เพียงไม่กี่แห่ง ที่คำนี้หมายถึงผู้เชื่อทุกคนตลอดประวัติศาสตร์ พระคัมภีร์ใหม่ถือว่าคริสเตียนในคริสตจักรท้องถิ่นล้วนเป็นสมาชิกคริสเตียน พวกเดียวที่ไม่ใช่สมาชิกในการสามัคคีธรรมท้องถิ่น ก็คือผู้ที่ถูกคริสตจักรลงวินัยและถูกตัดออกจากการสามัคคีธรรม เพราะเหตุความบาปร้ายแรงที่กระทำต่อส่วนร่วม (1 โครินธ์ 5:11-13; กาลาเทีย 6:1-5)

พระคัมภีร์กล่าวว่า คริสเตียนที่ไม่มีคริสตจักรก็เหมือนอวัยวะที่ไม่มีร่างกาย แกะหลงฝูง หรือเด็กที่ไม่มีครอบครัว ซึ่งเป็นสภาพผิดธรรมชาติ พระคัมภีร์กล่าวว่า "ท่านเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพระเจ้าร่วมกับคริสเตียนอื่นทุกคน" (เอเฟซัส 2:19ข LB)

วัฒนธรรมปัจเจกนิยมของทุกวันนี้ที่สอนให้คนไม่ขึ้นอยู่กับใคร ได้สร้างลูกกำพร้าฝ่ายวิญญาณเป็นจำนวนมาก คือ "คริสเตียนกระต่าย" ที่กระโดดจากคริสตจักรหนึ่งไปสู่อีกคริสตจักรหนึ่งโดยไม่รู้จักตัวตนของตนเอง ไม่มีความรับผิดชอบต่อใคร หรืออุทิศตัวให้ใคร หลายคนเชื่อว่าเขาเป็น "คริสเตียนที่ดี" ได้โดยไม่ต้องร่วม (หรือแม้กระทั่งมา) คริสตจักรท้องถิ่น แต่พระเจ้าคงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง พระคัมภีร์ให้เหตุผลที่มีน้ำหนักหลายข้อที่เราควรอุทิศตัว และทุ่มเทในการสามัคคีธรรมท้องถิ่น


ทำไมคุณจึงต้องการครอบครัวคริสตจักร

ครอบครัวคริสตจักรบ่งบอกว่าคุณคือผู้เชื่อแท้ ผมไม่สามารถอ้างตนว่ากำลังติดตามพระคริสต์ได้ ถ้าผมไม่อุทิศตัวให้กลุ่มสาวกใดกลุ่มหนึ่งอย่างเจาะจง พระเยซูตรัสว่า "ความรักที่ท่านมีต่อกันและกันจะพิสูจน์ให้โลกรู้ว่าท่านเป็นสาวกของเรา" (ยอห์น 13:35 NLT)

เมื่อเรามารวมกันด้วยความรักในฐานะครอบครัวคริสตจักร โดยมีภูมิหลัง เชื้อชาติ และฐานะทางสังคมที่ต่างกัน ก็จะเป็นคำพยานที่มีพลังต่อโลก (กาลาเทีย 3:28 และดู ยอห์น 17:21) ตัวคุณโดยลำพังไม่ใช่พระกายของพระคริสต์ คุณต้องการคนอื่นเพื่อแสดงออกว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งในพระกายนั้น เราเป็นพระกายของพระองค์เมื่อเราอยู่ร่วมกัน (1 โครินธ์ 12:27) ไม่ใช่เมื่อเราแยกจากกัน

ครอบครัวคริสตจักรพาคุณออกจากการปลีกตัวในลักษณะที่เห็นแก่ตัว คริสตจักรท้องถิ่นคือห้องเรียนแห่งการเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างปรองดองกันในครอบครัวของพระเจ้า มันเป็นห้องทดลองเพื่อฝึกฝนความรักที่เห็นอกเห็นใจกัน ไม่เห็นแก่ตัวในฐานะสมาชิกที่มีส่วนร่วม คุณเรียนรู้ที่จะสนใจคนอื่น และร่วมประสบการณ์กับคนอื่น "ถ้าอวัยวะอันหนึ่งเจ็บอวัยวะทั้งหมดก็พลอยเจ็บด้วย ถ้าอวัยวะอันหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยชื่นชมยินดีด้วย" (1 โครินธ์ 12:26) เราเรียนรู้จักสามัคคีธรรมที่แท้จริง และมีประสบการณ์กับความจริงในพระคัมภีร์ใหม่ เรื่องความผูกพันและพึ่งพาซึ่งกันและกัน ก็ด้วยการพบปะกับผู้เชื่อธรรมดา ๆ และไม่สมบูรณ์เท่านั้น (เอเฟซัส 4:16; โรม 12:4-5; โคโลสี 2:19; 1 โครินธ์ 12:25)

สามัคคีธรรมตามแบบพระคัมภีร์คือการที่เราอุทิศตัวต่อกันและกันเหมือนกับที่เราอุทิศตัวต่อพระเยซูคริสต์ พระเจ้าทรงคาดหวังว่าเราจะให้ชีวิตของเราเพื่อกันและกัน คริสเตียนหลายคนที่รู้จักยอห์น 3:16 กลับไม่รู้จัก 1 ยอห์น 3:16 ที่ว่า "พระคริสต์ได้ทรงยอมสละพระชนม์ของพระองค์เพื่อเราทั้งหลาย และเราทั้งหลายก็ควรจะสละชีวิตของเราเพื่อพี่น้อง" (1 ยอห์น 3:16) นี่คือลักษณะของความรักที่เสียสละ ซึ่งพระเจ้าทรงคาดหวังให้คุณแสดงออกต่อผู้เชื่อคนอื่นคือ ความเต็มใจที่จะรักพวกเขาแบบเดียวกับที่พระเยซูทรงรักคุณ

ครอบครัวคริสตจักรช่วยคุณพัฒนากล้ามเนื้อฝ่ายวิญญาณ คุณจะไม่มีวันโตเป็นผู้ใหญ่โดยการมาแค่มาร่วมนมัสการและเป็นเพียงผู้ชมเฉย ๆ การมีส่วนร่วมในคริสตจักรท้องถิ่นอย่างเต็มที่เท่านั้นที่จะสร้างพลังฝ่ายวิญญาณ พระคัมภีร์กล่าวว่า "เมื่อแต่ละส่วนทำหน้าที่พิเศษของตน ก็จะช่วยให้ส่วนอื่นเติบโต และเต็มไปด้วยความรัก" (เอเฟซัส 4:16ข NLT)

พระคัมภีร์ใหม่ใช้วลี "ซึ่งกันและกัน" หรือ "ต่อกัน" มากกว่า 50 ครั้ง เราได้รับคำสั่งให้รักกันและกัน อธิษฐานเพื่อกันและกัน หนุนใจกันและกัน ตักเตือนกันและกัน ให้เกียรติกันและกัน อดทนต่อกันและกัน ยกโทษให้กันและกัน ยอมฟังกันและกัน อุทิศตัวให้กันและกัน และงานอื่น ๆ ที่ทำต่อกันอีกมากมาย นี่คือสมาชิกภาพตามแบบพระคัมภีร์ สิ่งเหล่านี้คือ "ความรับผิดชอบในครอบครัว" ของคุณ ซึ่งพระเจ้าทรงคาดหวังให้คุณกระทำผ่านทางคริสตจักรท้องถิ่น แล้วคุณกำลังทำสิ่งเหล่านี้ร่วมกับใคร

มันอาจจะดูเหมือนง่ายที่จะเป็นคนบริสุทธิ์ เมื่อไม่มีคนอื่นคอยขัดขวางสิ่งที่คุณต้องการ แต่นั่นเป็นความบริสุทธิ์ที่จอมปลอมและไม่ได้ผ่านการทดสอบ การปลีกตัวทำให้เกิดการหลอกลวง มันง่ายที่จะหลอกตัวเองให้คิดว่า เราเป็นผู้ใหญ่ในเมื่อไม่มีใครมาทดสอบเรา ความเป็นผู้ใหญ่แท้จะแสดงออกในความสัมพันธ์

เราต้องการมากกว่าพระคัมภีร์ที่จะทำให้เราเติบโต เราต้องการผู้เชื่อคนอื่น เราเติบโตเร็วขึ้นและแข็งแรงขึ้นโดยการเรียนรู้จากกันและกัน และรับผิดชอบต่อกัน เมื่อคนอื่นเล่าสิ่งที่พระเจ้าทรงสอนพวกเขา ผมก็เรียนรู้และเติบโตด้วย

พระกายของพระคริสต์ต้องการฉัน พระเจ้าทรงมีบทบาทพิเศษสำหรับคุณในครอบครัวของพระองค์ สิ่งนี้เรียกว่า "พันธกิจ" ของคุณ และพระเจ้าได้ประทานของประทานแก่คุณเพื่อภารกิจนี้ "ของประทานฝ่ายวิญญาณนั้นพระเจ้าประทานแก่แต่ละคนเพื่อเป็นเครื่องมือในการช่วยเหลือคริสตจักรโดยร่วม" (1 โครินธ์ 12:7 NLT)

คริสตจักรท้องถิ่นของคุณคือที่ซึ่งพระเจ้าทรงกำหนดไว้ เพื่อคุณจะค้นพบ พัฒนา และใช้ของประทาน คุณอาจจะมีงานรับใช้ที่กว้างกว่านั้น แต่นั่นคือส่วนที่เพิ่มเติมจากการรับใช้ในคริสตจักรท้องถิ่น พระเยซูไม่ได้สัญญาว่าจะสร้างพันธกิจของคุณ แต่พระองค์ทรงสัญญาว่าจะสร้างคริสจักรของพระองค์

คุณจะได้ร่วมทำภารกิจของพระคริสต์ในโลกนี้ เมื่อพระเยซูทรงอยู่ในโลกนี้พระเจ้าทรงทำงานผ่านทางร่างกายของพระคริสต์ เวลานี้ พระองค์ทรงใช้พระกายฝ่ายวิญญาณของพระองค์ คริสตจักรคือเครื่องมือของพระเจ้าบนโลกนี้ เราไม่ได้เป็นแบบอย่างความรักของพระเจ้าโดยการรักกันและกันเท่านั้น แต่เราต้องนำความรักนี้ไปยังคนอื่น ๆ ในโลกด้วย นี่เป็นสิทธิพิเศษอันน่าทึ่งซึ่งเราได้รับร่วมกัน ในฐานะอวัยวะในพระกายของพระคริสต์ เราเป็นมือของพระองค์ เท้าของพระองค์ ดวงตาของพระองค์ และหัวใจของพระองค์ พระองค์ทรงทำงานผ่านเราในโลกนี้ เราแต่ละคนมีงานที่ต้องทำประโยชน์ เปาโลบอกเราว่า "พระองค์ทรงสร้างเราแต่ละคนโดยพระเยซูคริสต์ เพื่อให้ร่วมทำงานกับพระองค์ คือการดีที่พระองค์ทรงเตรียมให้เราทำ เป็นงานที่เราควรจะต้องทำ (เอเฟซัส 2:10 Msg)

ครอบครัวคริสตจักรจะช่วยป้องกันคุณไม่ให้หลงหาย ไม่มีใครในพวกเราที่มีภูมิคุ้มกันการทดลอง คุณและผมสามารถทำบาปทุกอย่างได้ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่เหมาะสม (1 โครินธ์ 10:12; เยเรมีย์ 17:9; 1 ทิโมธี 1:19) พระเจ้าทรงทราบเรื่องนี้ ดังนั้นพระองค์จึงทรงมอบหมายหน้าที่ให้เราแต่ละคนรับผิดชอบดูแลกันและกันให้อยู่ในทางของพระเจ้า พระคัมภีร์กล่าวว่า "ท่านจงเตือนสติกันและกันทุกวัน ตลอดเวลาที่เรียกว่า "วันนี้" เพื่อว่าจะไม่มีผู้ใดในพวกท่านมีใจแข็งกระด้างไปเพราะเล่ห์กลของบาป" (ฮีบรู 3:13) คำว่า "อย่ามายุ่งกับฉัน" ไม่ใช่คำพูดของคริสเตียน เราได้รับการทรงเรียกและได้รับพระบัญชาให้มีส่วนในชีวิตของกันและกัน ถ้าคุณรู้ว่าใครสักคนกำลังจิตวิญญาณสั่นคลอนในเวลานี้ คุณก็ต้องรับผิดชอบที่จะไปตามหาและนำเขากลับมาสู่การสามัคคีธรรม ยากอบบอกเราว่า "ถ้าท่านรู้จักใครที่หลงไปจากความจริงของพระเจ้า อย่าเพิกเฉย จงไปตามหาพวกเขา นำพวกเขากลับมา" (ยากอบ 5:19 Msg)

ประโยชน์เกี่ยวเนื่องของคริสตจักรท้องถิ่นคือ คริสตจักรจะให้การปกป้องฝ่ายวิญญาณโดยผู้นำที่อยู่ในทางของพระเจ้า พระเจ้าประทานความรับผิดชอบแก่ผู้นำที่เป็นผู้เลี้ยงแกะให้เฝ้าระวัง ป้องกัน พิทักษ์และดูแลสวัสดิภาพฝ่ายวิญญาณของฝูงแกะของเขา (กิจการ 20:28-29; 1 เปโตร 5:1-4; ฮีบรู 13:7,17) พระคัมภีร์บอกเราว่า "งานของพวกเขาคือดูแลจิตวิญญาณของท่าน และพวกเขารู้ว่า พวกเขาต้องรายงานต่อพระเจ้า" (ฮีบรู 13:17 NLT)

ซาตานชอบคริสเตียนที่แยกตัว ตัดขาดจากชีวิตในพระกาย ปลีกตัวจากครอบครัวของพระเจ้า และไม่รับผิดชอบรายงานต่อผู้นำฝ่ายวิญญาณ เพราะมันรู้ว่า พวกเขาป้องกันตัวไม่ได้ และไม่มีกำลังต้านทานเล่ห์กลของมัน

ทั้งหมดล้วนแต่อยู่ในคริสตจักร

ในหนังสือ คริสตจักรที่เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์ ที่ผมเขียน ผมอธิบายว่าการเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรที่มีสุขภาพดีนั้น เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการดำเนินชีวิตที่สุขภาพแข็งแรง ผมหวังว่าคุณจะอ่านหนังสือเล่มนั้นด้วย เพราะมันจะช่วยคุณเข้าใจว่า พระเจ้าได้ทรงกำหนดคริสตจักรของพระองค์ไว้เป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้คุณทำวัตถุประสงค์ทั้งห้าประการที่พระองค์กำหนดไว้สำหรับชีวิตคุณสำเร็จ พระองค์ทรงสร้างคริสตจักรเพื่อสนองความจำเป็นที่ลึกที่สุดทั้งห้าประการของคุณ คือ วัตถุประสงค์ที่จะอยู่เพื่อคน ที่จะอยู่ด้วยหลักการที่ใช้ดำเนินชีวิต งานที่จะทำ และพลังที่ใช้ดำเนินชีวิต ไม่มีที่อื่นในโลกที่คุณสามารถรับประโยชน์ทั้งห้าประการนี้ในที่แห่งเดียว

พระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับคริสตจักรของพระองค์นั้นก็เหมือนกับวัตถุประสงค์ห้าประการของพระองค์สำหรับคุณ การนมัสการช่วยให้คุณจดจ่อที่พระเจ้า การสามัคคีธรรมช่วยคุณเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาชีวิต การสร้างสาวกช่วยปกป้องความเชื่อของคุณ การรับใช้ช่วยให้คุณค้นพบความสามารถของคุณ การประกาศทำให้ภารกิจของคุณสำเร็จ ไม่มีสิ่งอื่นใดในโลกอีกแล้วที่เหมือนคริสตจักร

ทางเลือกของคุณ

เมื่อเด็กเกิดมา เขาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวสากลของมนุษยชาติโดยอัตโนมัติ แต่เด็กคนนั้นก็ยังต้องเป็นสมาชิกของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งโดยเฉพาะ เพื่อจะได้รับการเลี้ยงดูและเอาใจใส่ดูแล และเติบโตขึ้นอย่างมีสุขภาพดีและแข็งแรง เช่นเดียวกัน ในฝ่ายจิตวิญญาณ เมื่อคุณบังเกิดใหม่คุณก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวสากลของพระเจ้าทันที แต่คุณยังจำเป็นต้องเป็นสมาชิกในครอบครัวระดับท้องถิ่นของพระเจ้าด้วย

ข้อแตกต่างระหว่างการมาคริสตจักรกับการเป็นสมาชิกคริสตจักร คือ การอุทิศตัว ผู้มาร่วมประชุมเป็นผู้ดูจากข้างสนาม แต่สมาชิกมีส่วนร่วมในงานรับใช้ ผู้ร่วมประชุมเป็นผู้บริโภค สมาชิกเป็นผู้ให้ ผู้ร่วมประชุมต้องการผลประโยชน์ของคริสตจักร โดยไม่ร่วมรับผิดชอบ ดังนั้นพวกเขาจึงเปรียบเสมือนชายหญิงที่ต้องการอยู่ด้วยกันโดยไม่อุทิศตัวให้แก่ชีวิตสมรส

ทำไมการเข้าร่วมในครอบครัวคริสตจักรท้องถิ่นจึงเป็นสิ่งสำคัญ ก็เพราะมันเป็นการพิสูจน์ว่าคุณได้อุทิศตัวต่อพี่น้องฝ่ายวิญญาณในทางปฏิบัติ ไม่ใช่แต่ในทางทฤษฏี พระเจ้าต้องการให้คุณรักผู้คนจริง ๆ ไม่ใช่ผู้คนในอุดมคติ คุณสามารถใช้เวลาตลอดชีวิตหาคริสตจักรที่สมบูรณ์แบบ แต่คุณจะไม่มีวันพบ คุณได้รับการทรงเรียกให้รักคนบาปที่ไม่สมบูรณ์แบบ เช่นเดียวกับที่พระเจ้าทรงทำ

ในพระธรรมกิจการ คริสเตียนในกรุงเยรูซาเล็มอุทิศตัวต่อกันและกันในเรื่องที่เจาะจงมาก พวกเขาอุทิศตัวต่อการสามัคคีธรรม พระคัมภีร์กล่าวว่า "เขาทั้งหลายอุทิศตัวเพื่อฟังคำสอนของบรรดาอัครทูต และร่วมสามัคคีธรรม รวมทั้งหักขนมปัง (ทานอาหาร) และอธิษฐาน" (กิจการ 2:42 2002) พระเจ้าก็ทรงคาดหวังว่าคุณจะอุทิศตัวต่อสิ่งเดียวกันนี้ด้วย

ชีวิตคริสเตียนไม่ใช่แค่การอุทิศตัวต่อพระคริสต์ แต่มันรวมถึงการอุทิศตัวต่อคริสเตียนอื่น ๆ คริสเตียนในแคว้นมาชิโดเนียเข้าใจสิ่งนี้ดี เปาโลกล่าวว่า "พวกเขาได้ถวายตัวเขาเองแด่พระผู้เป็นเจ้าก่อน แล้วได้มอบตัวให้เราตามพระทัยพระเจ้า" (2 โครินธ์ 8:5) การเข้าร่วมเป็นสมาชิกคริสตจักรท้องถิ่นคือ ขั้นตอนตามธรรมชาติต่อจากการที่คุณได้เป็นบุตรของพระเจ้า คุณเป็นคริสเตียนโดยการอุทิศตัวถวายแด่พระคริสต์แต่คุณเป็นสมาชิกคริสตจักร โดยการอุทิศถวายตัวต่อกลุ่มผู้เชื่อที่เจาะจง การตัดสินใจแรกนำไปสู่ความรอด การตัดสินใจที่สองนำเข้าสู่การสามัคคีธรรม

วันที่ 17 คิดถึงวัตถุประสงค์ของฉัน

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ: ฉันได้รับการทรงเรียกให้เป็นส่วนหนึ่งไม่ใช่เพียงแต่เชื่อ

ข้อพระคัมภีร์สำหรับท่องจำ: "พวกเราผู้เป็นหลายคนยังเป็นกายอันเดียวในพระคริสต์และเป็นอวัยวะแก่กันและกัน" โรม 12:5

คำถามสำหรับการพิจารณา: ระดับการมีส่วนร่วมในคริสตจักรท้องถิ่นของฉันบ่งบอกว่าฉันรักและอุทิศตัวต่อครอบครัวของพระเจ้าหรือไม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น