วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
วันที่ 1 ทุกสิ่งเริ่มต้นที่พระเจ้า
ชีวิตที่เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์
The Purpose Driven Life
ผู้เขียน: ริค วอร์เรน
ฉันอยู่ในโลกนี้เพื่ออะไร
ชีวิตที่อุทิศให้แก่สิ่งของเป็นชีวิตที่ตายเหมือนกับตอไม้ แต่ชีวิตที่พระเจ้าหล่อหลอมนั้นเป็นเหมือนต้นไม้ที่งอกงาม
สุภาษิต 11:28 (Msg)
คนที่วางใจในพระเจ้าย่อมได้รับพระพร เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำซึ่งหยั่งรากของมันออกไปข้างลำน้ำ เมื่อแดดส่องมาถึงก็ไม่กลัว เพราะใบของมันคงเขียวอยู่เสมอ และไม่กระวนกระวายในปีที่แห้งแล้ง เพราะมันไม่หยุดที่จะออกผล
เยเรมีย์ 17:7-8
วันที่ 1
ทุกสิ่งเริ่มต้นที่พระเจ้า
เพราะว่าทุกสิ่ง ทั้งสิ้นทุกสิ่ง ทั้งเบื้องบนและเบื้องล่าง ทั้งที่มองเห็นด้วยตาและไม่เห็นด้วยตา ทุกสิ่งมีจุดเริ่มต้นในพระองค์ และพบจุดหมายในพระองค์
โคโลสี 1:16 (Msg)
คำถามเรื่องวัตถุประสงค์ของชีวิตจะไร้ความหมาย นอกจากคุณจะคิดว่าโลกนี้มีพระเจ้า
เบอร์ทรานด์ รัสเซล ผู้ไม่เชื่อว่าโลกนี้มีพระเจ้า
เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวคุณ
วัตถุประสงค์ของชีวิตคุณนั้นยิ่งใหญ่กว่าความพึงพอใจส่วนตัว ความสบายใจหรือแม้แต่ความสุขของคุณ มันยิ่งใหญ่กว่าครอบครัว อาชีพ หรือแม้แต่ความฝันและความทะเยอทะยานที่โลดโผนที่สุดของคุณ ถ้าคุณต้องการรู้ว่าทำไมคุณจึงเกิดมาในโลกนี้ คุณต้องเริ่มต้นที่พระเจ้า เพราะคุณเกิดมาโดยพระประสงค์ของพระองค์ และเพื่อพระประสงค์ของพระองค์
การค้นหาวัตถุประสงค์ของชีวิตได้ทำให้คนงุนงงมาหลายพันปี นั่นเป็นเพราะเรามันเริ่มต้นค้นหาผิดที่ นั่นคือที่ตัวเราเอง เราถามคำถามโดยมีตัวเองเป็นศูนย์กลาง อย่างเช่น ฉันควรทำอย่างไรกับชีวิตของฉัน เป้าหมายของฉัน ความทะเยอทะยานของฉัน ความฝันของฉันสำหรับอนาคตของฉันคืออะไรแต่การจดจ่อที่ตัวเราเอง จะไม่มีวันเปิดเผยให้เรารู้วัตถุประสงค์ของชีวิต พระคัมภีร์กล่าวว่า "พระเจ้าทรงนำชีวิตของสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง ชีวิตของทุกคนอยู่ในอำนาจของพระองค์" (โยบ 12:10 TEV)
คุณจะไม่พบความหมายของชีวิตจากการค้นหาภายในตัวคุณเอง เรื่องนี้ตรงก้นข้ามกับที่บรรดาหนังสือยอดนิยม ภาพยนต์ และสัมมนาต่างๆ ได้บอกคุณ คุณคงเคยลองวิธีเหล่านั้นแล้ว เนื่องจากคุณไม่ได้สร้างตัวเองขึ้นมา คุณจึงไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองว่าคุณถูกสร้างมาเพื่ออะไร! ถ้าผมให้สิ่งประดิษฐ์อย่างหนึ่งแก่คุณโดยที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน คุณก็ย่อมไม่รู้วัตถุประสงค์ของมัน และสิ่งประดิษฐ์นั้นก็ไม่สามารถบอกคุณได้เช่นกัน มีก็แต่ผู้ประดิษฐ์ หรือหนังสือคู่มือของเจ้าของเท่านั้นที่สามารถบอกวัตถุประสงค์ของมันได้
ครั้งหนึ่ง ผมหลงทางบนภูเขา เมื่อผมหยุดถามเส้นทางไปบริเวณตั้งค่ายพักแรม ก็มีคนบอกผมว่า "คุณไปที่นั่นจากตรงนี้ไม่ได้ คุณต้องเริ่มต้นจากอีกฟากหนึ่งของภูเขา" ในทำนองเดียวกัน คุณไม่สามารถค้นพบวัตถุประสงค์ของชีวิตด้วยการเริ่มต้นจดจ่อที่ตัวคุณเอง คุณต้องเริ่มต้นที่พระเจ้าผู้ทรงสร้างคุณ คุณเกิดมาก็เพราะพระเจ้ามีพระประสงค์ให้คุณเกิด คุณได้รับการสร้างมาโดยพระเจ้าและเพื่อพระเจ้า ตราบใดที่คุณยังๆ ไม่เข้าใจสิ่งนี้ ตราบนั้นชีวิตก็จะไม่มีความหมาย ในพระเจ้าเท่านั้นที่เราค้นพบจุดเริ่มต้นของเรา ได้รู้ว่าเราเป็นใคร รู้ความหมาย วัตถุประสงค์ ความสำคัญ และจุดหมายปลายทางของเรา เส้นทางอื่นๆ ล้วนนำไปสู่ทางตันทั้งสิ้น
หลายคนพยายามใช้พระเจ้าเพื่อค้นหาตัวเอง แต่นั้นเป็นสิ่งที่ฝืนธรรมชาติ ซึ่งย่อมนำไปสู่ความล้มเหลว คุณถูกสร้างขึ้นเพื่อพระเจ้า ไม่ใช่พระเจ้าอยู่เพื่อคุณ และชีวิตก็คือ การให้พระเจ้าใช้คุณตามพระประสงค์ของพระองค์ ไม่ใช่คุณใช้พระองค์เพื่อวัตถุประสงค์ของคุณเอง พระคัมภีร์กล่าวว่า "การจดจ่ออยู่กับตัวเองในสิ่งเหล่านี้คือทางตัน แต่การจดจ่อที่พระเจ้านำเราไปสู่อิสรภาพ สู่ชีวิตที่มีเสรีภาพอย่างกว้างขวาง" (โรม 8:6 Msg)
ผมเคยอ่านหนังสือหลายเล่มที่เสนอแนวทางในการค้นพบวัตถุประสงค์ของชีวิต ทุกเล่มสามารถจัดอยู่ในประเภทหนังสือ "ทำด้วยตัวเอง" (Self Help) เพราะว่าหนังสือเหล่านี้จัดการปัญหานี้ด้วยมุมมองที่มีตัวเองเป็นศูนย์กลาง หนังสือประเภททำด้วยตัวเองนี้
แม้จะเป็นหนังสือคริสเตียน ก็มักจะเสนอขั้นตอนในการค้นหาวัตถุประสงค์ของชีวิตที่เหมือนๆ กัน จนเราคาดเดาได้ เช่น ให้พิจารณาความฝันของคุณ ระบุค่านิยมของตัวเองให้ชัดเจน กำหนดเป้าหมายบางอย่าง ค้นหาว่าตัวเองเก่งด้านไหน ตั้งเป้าให้สูงเข้าไว้ ทุ่มเทเพื่อสิ่งนั้น มีวินัย เชื่อว่าคุณสามารถบรรลุเป้าหมายนั้นได้ มีส่วนร่วมกับคนอื่น อย่ายอมแพ้
แน่นอน คำแนะนำเหล่านี้มักจะนำไปสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ คุณมักจะบรรลุเป้าหมายบางอย่างได้ถ้าคุณใส่ใจกับมัน แต่การประสบความสำเร็จกับการบรรลุวัตถุประสงค์ของชีวิตนั้น มันคนละเรื่องกันเลย คุณอาจบรรลุเป้าหมายส่วนตัวและประสบความสำเร็จ น่าสรรเสริญตามมาตรฐานของโลก ทว่ายังคงพลาดจากวัตถุประสงค์ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างคุณมา คุณต้องการมากกว่าคำแนะนำประเภททำด้วยตัวเอง พระคัมภีร์กล่าวว่า "การแก้ไขด้วยตัวเองช่วยอะไรไม่ได้ การเสียสละตัวเองเป็นทางนั้น ทางของเราในการค้นพบตัวคุณเองคือการพบตัวจริงของคุณ" (มัทธิว 16:25 Msg)
นี้ไม่ใช่หนังสือประเภททำด้วยตัวเอง ไม่เกี่ยวกับการหาอาชีพที่เหมาะสม การทำให้ความฝันเป็นจริง หรือการวางแผนชีวิต ไม่เกี่ยวกับวิธียัดกิจกรรมลงไปมากขึ้นในตารางเวลาที่แน่นเกินไปอยู่แล้ว อันที่จริง หนังสือเล่มนี้จะสอนวิธีที่คุณจะทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตน้อยลง โดยการจดจ่อกับสิ่งสำคัญที่สุด หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับการเป็นอย่างที่พระเจ้าทรงสร้างให้คุณเป็น
ถ้าอย่างนั้นจะค้นพบวัตถุประสงค์ที่พระเจ้าทรงสร้างคุณมาได้อย่างไร คุณมีสองทางเลือกเท่านั้น ทางเลือกแรกคือ การเดา นี่เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่เลือก พวกเขาทาย เดา สร้างทฤษฏี เมื่อมีคนบอกว่า "ผมมักจะคิดว่าชีวิตคือ…" พวกเขาหมายความว่า "นี่คือการเดาที่ดีที่สุดเท่าที่ผมคิดได้"
เป็นเวลานับพันๆ ปี นักปรัชญาที่ปราดเปรื่องได้อภิปรายและคาดเดาเกี่ยวกับความหมายของชีวิต ปรัชญาเป็นวิชาที่สำคัญและมีประโยชน์ แต่ในเรื่องการกำหนดวัตถุประสงค์ของชีวิตนั้น แม้แต่นักปรัชญาที่ฉลาดที่สุดก็ได้แต่เดาเท่านั้น
ครั้งหนึ่ง ดร.ฮิว มัวร์เฮด ศาสตราจารย์วิชาปรัชญาที่มหาวิทยาลัย นอร์ธ อีสเทิร์น อิลลินอยส์ ได้เขียนจดหมายถึงนักปรัชญา นักวิทยาศาสตร์ นักเขียน และผู้รู้ที่มีชื่อเสียงที่สุด 250 คนในโลก ถามพวกเขาว่า ความหมายของชีวิตคืออะไร" จากนั้นท่านก็ได้เผยแพร่คำตอบของพวกเขาลงในหนังสือเล่มหนึ่ง บางคนเสนอการเดาที่ดีที่สุด บางคนยอมรับว่าพวกเขาคิดวัตถุประสงค์สำหรับชีวิตขึ้นมาเอง และบางคนก็ซื่อสัตย์พอที่จะบอกว่าพวกเขาไม่รู้อะไรเลย ที่จริงผู้รู้ที่มีชื่อเสียงจำนวนหนึ่งได้ขอให้ศาสตราจารย์มัวร์เฮดให้ตอบ และบอกพวกเขาด้วยว่าท่านพบวัตถุประสงค์ของชีวิตแล้วหรือยัง
แต่ยังดีที่มีอีกทางเลือก นอกเหนือจากการคาดเดาถึงความหมาย และวัตถุประสงค์ของชีวิต อีกทางเลือกคือ การเปิดเผย เราสามารถหันไปหาสิ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยเกี่ยวกับชีวิตในพระวจนะของพระองค์ ทางที่ง่ายที่สุดในการค้นหาจุดหมายของสิ่งประดิษฐ์ชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็คือ การถามผู้สร้างสิ่งนั้น และการค้นหาวัตถุประสงค์ของชีวิตคุณก็เช่นกันคือ ถามพระเจ้า
พระเจ้ามิได้ปล่อยให้เราสงสัยและเดาเอาเองในความมืดมน พระองค์ทรงเปิดเผยพระประสงค์ห้าประการสำหรับชีวิตเราอย่างชัดเจนโดยทางพระคัมภีร์ พระคัมภีร์คือคู่มือสำหรับเจ้าของที่อธิบายว่าทำไมเราจึงมีชีวิตอยู่ ชีวิตดำเนิดไปอย่างไร ต้องหลีกเลี่ยงอะไรและจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต พระคัมภีร์อธิบายสิ่งที่ไม่มีหนังสือประเภททำด้วยตัวเองหรือหนังปรัชญาเล่มไหนหยั่งรู้ได้ พระคัมภีร์กล่าวว่า "พระปัญญาของพระเจ้า…ลึกลงไปในพระประสงค์ของพระองค์… นี่ไม่ใช่เรื่องราวใหม่ล่าสุด ทว่าเก่าแก่สุดมากกว่า คือ สิ่งทพระเจ้ากำหนดให้เป็นวิถีทางที่ดึงสิ่งที่ดีที่สุดของพระองค์ในตัวเราออกมา" (1โครินธ์ 2:7 Msg)
พระเจ้าไม่ได้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของชีวิตคุณเท่านั้น แต่พระองค์ทรงเป็นแหล่งที่มาของชีวิต ถ้าคุณจะค้นหาวัตถุประสงค์ของชีวิต คุณต้องอ่่านพระวจนะของพระเจ้า ไม่ใช่แสวงหาสติปัญญาของโลก คุณต้องสร้างชีวิตของคุณบนความจริงนิรันดร์ ไม่ใช่จิตวิทยาที่แพร่หลาย แรงจูงใจเพื่อความสำเร็จ หรือเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจ พระคัมภีร์กล่าวว่า "ในพระคริสต์ เราได้พบว่าเราเป็นใครและอยู่เพื่ออะไร นานก่อนที่เราจะได้ยินเรื่องพระคริสต์นั้น พระองค์ได้ทรงสนพระทัยในเรา และทรงวางแผนให้เราดำเนินชีวิตที่รุ่งโรจน์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุประสงค์โดยรวมที่พระองค์กำลังทำให้สำเร็จในทุกสิ่งและทุกคน" (เอเฟซัส 1:11 Msg) พระคัมภีร์ข้อนี้ให้ความเข้าใจสามประการเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ของคุณ
1. คุณจะพบว่าคุณเป็นใคร และมีวัตถุประสงค์อะไรโดยทางความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์ ถ้าคุณไม่มีความสัมพันธ์เช่นน้ี ผมจะอธิบายภายหลังว่าจะเริ่มมีได้อย่างไร
2. พระเจ้าทรงคิดถึงคุณนานแล้วก่อนที่คุณจะคิดถึงพระองค์ พระประสงค์ของพระองค์สำหรับชีวิตคุณ มีอยู่ตั้งแต่ก่อนคุณถือกำเนิดในครรภ์ พระองค์ทรงวางแผนไว้ก่อนจะมีคุณ โดยปราศจากการช่วยเหลือของคุณ คุณอาจจะเลือกอาชีพ คู่ครอง งานอดิเรก และอีกหลายๆ เรื่องในชีวิตคุณ แต่คุณไม่อาจเลือกวัตถุประสงค์ของคุณ
3. วัตถุประสงค์ของชีวิตคุณสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นซึ่งพระเจ้าทรงวางแผนไว้สำหรับนิรันดรกาล นี่คือสิ่งที่หนังสือเล่มนี้จะพูดถึง
อังเดร บิตอฟ นักเขียนนวนิยายชาวรัสเซีย เติบโตขึ้นภายใต้ลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า แต่ในวันที่น่าหดหู่ใจวันหนึ่ง พระเจ้าทรงทำให้ท่านหันมาสนใจพระองค์ ท่านเล่าว่า "ในปีที่ยี่สิบเจ็ดของผม ขณะนั่งรถไฟใต้ดินในเมืองเลนินกราด (ปัจจุบันคือเซ็นต์ปีเตอร์เบอร์ก) ใจผมถูกความสิ้นหวังถาโถมจนดูเหมือนชีวิตคงจะจบสิ้นลงไปทันที มันเข้ามาครอบงำอนาคตทั้งหมด เรื่องความหมายของชีวิตยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ทันใดนั้นจู่ๆ ก็มีคำพูดหนึ่งผุดขึ้นมาเองคือ ถ้าปราศจากพระเจ้า ชีวิตก็ไม่มีความหมายอะไร ผมทวนประโยคนี้ซ้ำๆ ด้วยความประหลากใจ ผมรู้สึกเหมือนถูกประโยดนั้นยกขึ้น เหมือนกับขึ้นบันไดเลื่อนและเดินออกจากรถไฟใต้ดิน เข้าสู่ความสว่างของพระเจ้า"
คุณอาจรู้สึกมึดมนเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของชีวิตคุณ ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะเวลานี้คุณกำลังจะเดินเข้าสู่ความสว่างแล้ว
วันที่ 1 คิดถึงวัตถุประสงค์ของฉัน
ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ: เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวฉัน
ข้อพระคัมภีร์สำหรับท่องจำ: "ทุกสิ่งมีจุดเริ่มต้นในพระองค์ และพบจุดมุ่งหมายในพระองค์" โคโลสี 1:16ข (Msg)
คำถามสำหรับการพิจารณา: เนื่องจากมีโฆษณามากมายรอบตัวฉัน ฉันจะทำอย่างไรที่จะเตือนตัวเองว่า แท้จริง ชีวิตคือการอยู่เพื่อพระเจ้า ไม่ใช่เพื่อตัวเอง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ขอบคุณน้องอรัญมากๆ เยี่ยมมากครับ เป็นพระพรอย่างยิ่งครับ
ตอบลบขอพระเจ้าอวยพระพร
ชีวิตที่เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์ เล่มสอง ทำเสร็จแล้วครับ
ลบhttp://thepurposedrivenchurch.blogspot.com/
อ่านให้ได้นะครับ แล้วส่งต่อให้เพื่อน ๆ อ่านด้วย
ขอบคุนมากๆครับผม ขอพระเจ้ายกชูนะครับ
ตอบลบชีวิตที่เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์ เล่มสอง ทำเสร็จแล้วครับ
ลบhttp://thepurposedrivenchurch.blogspot.com/
อ่านให้ได้นะครับ แล้วส่งต่อให้เพื่อน ๆ อ่านด้วย
ขออภัยด้วยนะครับ ทางผู้จัดทำได้ขอลิขสิทธิ์จากผู้เขียนหนังสือแล้วหรือยังครับ? การเผยแพร่ข้อมูลที่ดีและเข้าถึงง่ายแบบนี้เป็นสิ่งที่ดีมากๆ แต่ให้แน่ใจว่าไม่ได้อยู่พื้นฐานของการละเมิดลิขสิทธิ์ครับ
ตอบลบขอบคุณพระเจ้าพระบิดา ขอบคุณคณะผู้จัดทำด้วยครับ
ตอบลบ